เปิดใจ นุ่น ดารัณ เล่ารู้จักแฟนสาวหล่อมานาน เคยเลิกกันไปแล้วถึง 8 ปี ด้านลูกชายรับได้ ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตแม่

คอมเมนต์:

"เขาคือกำลังใจที่ดี เราเชื่อว่าเขาทำมาจากความรัก แต่ ณ วันนั้นเราไม่ได้รู้สึกว่าเขารักเราแบบเป็นแฟน รู้สึกเขาชื่นชมและประทับใจเรา เขาจริงใจ มันเป็นคำว่ากัลยาณมิตรจริงๆ" - นุ่น ดารัณ

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

        หลังจากที่ นุ่น ดารัณ ถูกเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งงานท่ามกลางสักขีพยานมากมาย 

        ล่าสุด นุ่น ดารัณ ควงสาวหล่อหวานใจตัวจริงมาเปิดใจใน รายการ คุยแซ่บShow ถึงประเด็นความรักในครั้งนี้ เผยเคยห่างกันไปนานถึง 8 ปี เพราะอะไร ? พร้อมเปิดปากลูกชายกับรักครั้งนี้ของแม่

 

Sponsored Ad

 

ความรู้สึกที่เราโดนขอแต่งงานเป็นยังไงบ้าง ?

        นุ่น : "คือเขาแอบเซอร์ไพรส์ จริงๆ วันนั้นไปเที่ยว ตั้งใจไปเที่ยวเพื่อที่จะฉลองวันเกิดกับน้องๆ ในกลุ่ม แล้วก็อยากไปเที่ยวไกลๆ หน่อยไม่ใช่ปาร์ตี้คืนเดียว ก็เลยนัดไปเที่ยวทะเลที่เกาะเต่า ในเย็นวันหนึ่งต้องมีปาร์ตี้ที่สำคัญก็คือปาร์ตี้วันเกิดเรา เรารู้แค่นั้น"

        บี : "เขาก็เหมือน โ ด น ห ล อ ก ว่าปาร์ตี้วันเกิด แต่เราแอบคุยกับน้องๆ ไว้สองเดือนแล้ว"

 

Sponsored Ad

 

เตรียมอะไรบ้าง ?

        บี : "จริงๆ อยากให้แหวนเป็นของขวัญวันเกิด แต่ก็ถูกสร้างซีนโดยการบิวต์ของแต่ละคน แล้วก็เคยคุยกับเขาเพราะเขาไม่เคยมีซีนนี้ในชีวิต ก็เลยทำให้เขา"

 

Sponsored Ad

 

ได้คุกเข่าไหม ?

        บี : "เกือบลืมคุกเข่า จนมีคนบอกให้คุกเข่า"

จับมือแล้วพูดว่าอะไรบ้าง ?

 

Sponsored Ad

 

        บี : "แต่งงานกันนะ"

        นุ่น : "จริงๆ เคยบอกเขาว่าไม่ชอบเซอร์ไพรส์ เพราะฉะนั้นการเซอร์ไพรส์ทุกรูปแบบที่ทำให้ตกใจเราจะไม่ชอบ"

แล้วครั้งนี้ล่ะ  ?

 

Sponsored Ad

 

        นุ่น : "ครั้งนี้ชอบมาก"

จะแต่งงานกันเมื่อไร ?

        นุ่น : "เรื่องนั้นเรายังไม่ได้คุยไปถึงขั้นนั้น"

 

 

Sponsored Ad

 

เคยเ ลิ ก กันไปแล้วถึง 8 ปี ?

        นุ่น : "จะใช้คำว่าเ ลิ ก มันก็ไม่ได้ใช้คำนั้นได้เต็มๆ ที่เราอยู่กันมาเกือบ 5 ปี ตั้งแต่เด็กๆ ยังเล็กๆ หลังจากพี่ ห ย่ า ขาดจากสามี เรารู้จักกันมาก่อน เป็นกัลยาณมิตรกันมา เราคุยกันได้ทุกเรื่อง"

เป็นเพื่อนสมัยเรียนหรือเปล่า ?

Sponsored Ad

        นุ่น : "จริงๆ เป็นรุ่นน้อง ไม่ได้เจอที่มหาวิทยาลัย เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน รู้จักตอนเขาเรียนจบ เราทำงานแล้ว รู้จักตอนทำงานละครเวที น้องมาทำงานละครเวทีอยู่ในทีมนั้น พอเจอกันก็คิดว่าเด็กนิเทศฯ เหมือนกันคุยกันรู้เรื่อง หลังจากนั้นก็ต่างคนต่างใช้ชีวิต แต่เวลาที่เจอกัน คุยกัน มันลื่นไหลไปหมด แม้กระทั่งเวลาที่มีปัญหาก็นึกถึงเขาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องของงานหรือปัญหาเรื่องของแฟน แม้กระทั่งตอนแต่งงานแล้ว พอมีปัญหาสิ่งเดียวที่อยากได้คือกำลังใจ เขาคือกำลังใจที่ดี เราเชื่อว่าเขาทำมาจากความรัก แต่ ณ วันนั้นเราไม่ได้รู้สึกว่าเขารักเราแบบเป็นแฟน รู้สึกเขาชื่นชมและประทับใจเรา เขาจริงใจ มันเป็นคำว่ากัลยาณมิตรจริงๆ

เรียกว่าพี่บีอยู่ในทุกโมเมนต์ของพี่นุ่น คือรู้จักแฟนพี่นุ่นทุกคน มีความรู้สึกหลงรัก ?

        บี : "ใช่ มันไม่ได้เป็นความรักแบบนั้น ไม่ได้คิดจะไปครอบครองเขา"

แล้วมันเปลี่ยนตอนไหน ?

        บี : "น่าจะเป็นตอนที่เขาไม่ได้อยู่กับสามีเขาแล้ว นั่นคือเรื่องใหญ่ที่สุดในชีวิตเขา เราอยู่ในทุกปัญหาของเขา เราทราบทุกเรื่อง เขาค่อนข้างหนักมาก แล้วจังหวะเราก็เข้าไปช่วยดูแลลูก"

        นุ่น : "มันเป็นจังหวะที่ว่าเราต้องการคนเข้ามาช่วยประคับประคองพอดี เขาเป็นคนที่เราไว้วางใจอยู่แล้ว เรื่องลูกเราคิดเสมอ หลังจากเราเ ลิ ก กับสามี เราไม่เคยคิดจะมีพ่อมาทดแทนให้ลูก เพราะเราไม่ได้ต้องการตรงนั้น เราไปได้ เราแบกได้ แต่อันนี้คือกำลังใจของเรา มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหมือนจับพลัดจับผลู สองคนมันโฟกัสลูก เขาอะเต็มที่อยู่แล้ว เขารักเราด้วยความจริงใจ เขาดูแลลูกเราดีมาก"

ตอนนั้นลูกอายุเท่าไร ?

        นุ่น : "ตอนที่ เ ลิ ก กับสามี น้องมุก 3 ขวบ น้องไม้ 5 ขวบ"

ในงานแต่งพี่บีก็อยู่ที่นั่น จัดงานออร์แกไนซ์ให้ ?

        นุ่น : "ใช่ค่ะ เขาเป็นคนปล่อยตัวให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวเดิน"

        บี : "คนรอบข้างคิดว่าเราจะเฮิร์ตมากเปล่า เรารู้สึกว่าเขาแฮปปี้ เราก็แฮปปี้"

หลังจากพี่นุ่นเ ลิ ก กับสามี นานไหมกว่าที่จะได้มาคบกันจริงๆ ?

        นุ่น : "ไม่นาน ก็อย่างที่บอกว่ามันจับพลัดจับผลูเป็นช่วงเวลาที่ต้องช่วยเหลือดูแลกันแล้ว"

คบกันกี่ปี ?

        นุ่น : "5 ปี แล้วก็เ ลิ ก กันไป ก็แยกกันไป มันเหมือนกับว่าเวลาอยู่ด้วยกันไม่ว่าเรื่องลูกหรือเรื่องอะไรก็ตาม เขาก็มีงาน เราก็มีงาน ธุรกิจส่วนตัวเขา เราก็มีงานของเราต้องจัดการเยอะแยะมากมาย ลูกก็ต้องรับผิดชอบ มันก็มีภาวะอารมณ์ต่างๆ พอวันหนึ่งแล้วมันหงุดหงิดใส่กัน อยู่ด้วยกันแล้วเครียดจังเลย เราก็เลยหาทางเลือกใหม่ว่าหรือเราต้องเ ลิ ก กัน จริงๆ มันน่าจะเป็นเรื่องลิขิตมากกว่าให้เราออกไปเดินทาง ไปเรียนรู้กันคนละวิชา แต่อันนั้นเราไม่รู้ตัว รู้แต่ว่าพอแล้ว"

ระยะเวลาเท่าไรถึงจะกลับมาเจอกัน ?

        นุ่น : "8 ปี เด็กเปลี่ยนจากวัยเล็กเป็นวัยรุ่นเลย"

แล้วต่างคนต่างมีคบคนอื่นไหมช่วง 8 ปี ?

        บี : "มันก็ผ่านเข้ามาบ้าง แต่เราไม่ได้มีใครที่คิดว่าจะคบกัน"

จริงๆ แล้วพี่บีรอพี่นุ่นหรือเปล่า ?

        บี : "ในสถานการณ์และสถานภาพคือเถียงไม่ได้เลย แต่พอใครถามก็บอกว่าไม่ได้รอ เราก็ใช้ชีวิตของเราได้"

มีความหวังไหมว่าสักวันหนึ่งจะได้กลับมา ?

        บี : "ไม่เลยจริงๆ ตอนที่เจอเขาใหม่ๆ ยังบอกเลยว่า ถ้ามันเป็นเรื่องคาดหวังก็คงดีใจระดับหนึ่ง พอไม่ได้คาดหวังมันมากกว่านั้น ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะได้กลับมาเจอกัน"

ช่วงที่เ ลิ ก กันมีติดต่อกันบ้างไหม ยังเป็นเพื่อนกันไหม ?

        นุ่น : "ไม่เลย ตัวเราเป็นคนเดินหน้าแล้วไม่ถอยหลัง"

        บี : "มันเหมือนพอระยะมันค่อยๆ ห่างมันก็ยิ่งห่าง"

หลังจากนั้น 8 ปี มาเจอกันที่ไหน อย่างไร ?

        นุ่น : "บังเอิญมากๆ ไปอัดเสียงสปอตวิทยุ พออัดเสียงเสร็จเดินออกจากห้องแล้วเจอโซฟาอยู่ข้างๆ มีความรู้สึกว่ามีใครนั่งอยู่ เขาก็เรียกชื่อเรา เราก็เสียงคุ้น เราตกใจที่เห็นคุณแม่เขา ไม่ได้เห็นเขาเลย ตาเราโฟกัสที่คุณแม่ที่นั่งโซฟา ตัวเขานั่งอยู่ เราก็นึกว่าคุณแม่ใครสักคนหนึ่ง เพราะเราห่างกันมาก จนกระทั่งเขาบอกว่าแม่บี เราก็หันไปมองหน้าเขา บีจริงๆ ด้วย รู้สึกว่าดีใจมากที่ได้เจอ ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอ"

วิ่งเข้าไปกอดกันเลยไหม ?

        นุ่น : "วิ่งเข้าไปไหว้แม่ก่อน แล้วก็บอกว่าเซลฟี่กันไหม (หัวเราะ) แอดไลน์กันไหม"

แล้วฝั่งพี่บีรู้สึกยังไง ?

        บี : "ตอนแรกตกใจเพราะเราเห็นเขาก่อน หนีไม่ออก แต่ดีใจมากมันเหมือนหัวใจมันพองโต อยากใช้เวลาที่นั่งอยู่ตรงนี้ให้มีค่ามากที่สุด"

        นุ่น : "ในส่วนของเรา เราประหลาดใจนะว่าทำไมรู้สึกดีใจจังเลย เพราะอย่างที่บอกเราไม่คิดว่าจะย้อนกลับไปหาใดๆ ทั้งสิ้น บังเอิญว่าเราได้กอดกัน มันเป็นการกอดที่เราดีใจจังเลยที่ได้เจอ มันเป็นการกอดที่มีภาพต่างๆ เข้ามา เหมือนกับเราไม่ต้องคุยอะไรกันเยอะเลย เราบอกความรู้สึกทั้งหมดด้วยการกอดกัน มันเป็นการกอดที่มันเป็นความรู้สึกดีที่ได้นั่งคุย"

แล้วบอกลูกยังไงว่าจะกลับมาคบกัน ?

        นุ่น : "ใครเข้ามาในชีวิตจะบอกลูกเสมอ จริงๆ ลูกจะเป็นคนช่วยเลือกนะ ลูกโตพอที่จะเป็นวัยที่เรียนรู้เรื่องรักได้แล้ว"

น้องไม้เป็นอย่างไรบ้างพอเห็นแม่มีแฟนเป็นพี่บี จำได้ไหม ?

        ไม้ : "ผมจำได้เลย ความรู้สึกก็คุ้นๆ เหมือนเดิมเลย เขาก็เคยดูแลเราตั้งแต่เด็กๆ กลับมาตอนแรกก็เกร็งๆ นิดหนึ่ง เหมือนเคยทะเลาะกับคุณแม่ไปช่วงหนึ่ง แต่เห็นคุณแม่มีความสุขก็โอเค"

พี่นุ่นกับพี่บีหลังจากที่เจอกันวันนั้นตัดสินใจนานไหมที่จะคบกันอีกรอบ ?

        นุ่น : "มันแทบจะไม่ต้องคิดอะไร อย่างที่บอกว่าการกอดวันนั้นมันบอกหลายความรู้สึกมาก ว่าจริงๆ แล้วเรารักเขา แล้วเขาก็รักเรา"

จากวันนั้นถึงวันนี้นานเท่าไรแล้ว ?

        นุ่น : "หน่วยเป็นเดือน แต่ถ้าถามว่าเราเจอกันแล้วรู้สึกดีต่อกัน เป็นกัลยาณมิตรตั้งแต่เมื่อไร คือ 23 ปี มันคงไม่ต้องอธิบายเป็นคำพูด"

เห็นคุณแม่มีความสุขแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง ?

        ไม้ : "ดีครับ เพราะที่ผ่านมาเห็นคุณแม่เครียดๆ น้าบีก็เข้ามาผ่อนความเครียดคุณแม่ลง"

กับน้องๆ จูนติดได้เลยไหม ?

        บี : "ตอนแรกประหม่านิดหนึ่ง เพราะเขาโต ภาพสุดท้ายเราเขาตัวเล็กๆ แต่สิ่งที่น่ารักของเขาก็คือแค่เขาเรียกว่าน้าบี เราก็แฮปปี้มากๆ แล้ว ตอนแรกก็ถามพี่นุ่นว่า ถามลูกให้หน่อยว่าเขาโอเคไหม"

        นุ่น : "เขาจะกังวลมาก เขาจะบอกว่าคุยเถอะ เราบอกว่าไม่ต้องคุยหรอก เพราะถ้าพี่บอกว่าเรากอดแล้วเราอ่านได้ ลูกพี่กอดแล้วอ่านได้เหมือนกัน เขาก็บอกให้คุยเพราะเขาไม่มั่นใจ เพราะเขาหายไปนานมาก"

น้องไม้มีอะไรจะบอกพี่บีกับคุณแม่ไหม ?

        ไม้ : "ก็ขอบคุณมากครับที่น้าบีกลับมาหาคุณแม่ ขอให้คุณแม่ไม่เครียด"

ชมคลิป..

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<

        อย่างไรก็ตามสามารถติดตามรายการ คุยแซ่บShow ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.30-14.30 น. ทางช่อง One31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow, Instagram noondaranm, kapook

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ