จำได้ไหม พ่ออุ้มลูกเร่ขายปากกาในวันนั้น ตอนนี้กลายเป็นเจ้าของกิจการมีธุรกิจร้าน 4 แห่งแล้ว

คอมเมนต์:

คนมีดวงจะได้เป็น #เศรษฐี ต่อให้จนแค่ไหน เขาก็พยายามผลักตัวเองให้ได้ดี นี่ขนาดใช้เงินไปแค่ 40% เท่านั้นนะ ยังสร้างเนื้อสร้างตัวได้ขนาดนี้

    หากใครยังจำกันได้ เมื่อช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2015 เคยมีข่าวเกี่ยวกับคุณพ่อผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ที่อุ้มลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหลับอยู่บนบ่าของเขา ไปตามท้องถนนเพื่อขายปากกา จนกลายเป็นภาพที่ได้รับความสนใจ และกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก แต่ปัจจุบันเขากลายเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารไปแล้ว

    นี่คือภาพจากเมืองเบรุต, เลบานอน ถูกแชร์ขึ้นบนโลกโซเชียล เป็นภาพของชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง ที่ในมือซ้ายของเขานั้นเต็มไปด้วยปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินหลายด้าม ส่วนมืออีกข้างก็อุ้มลูกสาวตัวน้อยที่หลับอยู่บนบ่าของเขา เขาขายปากกาลูกลื่นเพื่อเลี้ยงชีพ แม้จะเป็นภาพนิ่งแต่สีหน้าของเขาที่สื่อได้ชัดถึงอารมณ์ที่อัดอั้นอยู่ภายใน แม้จะยากลำบากตรากตรำเพียงใดแต่ต้องสู้ทนเพื่อปากท้องของลูกสาวและตัวเอง เป็นภาพที่สะเทือนอารมณ์ต่อผู้พบเห็นอย่างมาก

 

Sponsored Ad

 

    แต่ชีวิตของคุณพ่อรายนี้ก็เปลี่ยนไป เมื่อ กิสเซอร์ ซิโมนาร์ซัน (Gissur Simonarson) หนุ่มสัญชาตินอร์เวย์ที่เห็นภาพนี้แล้วรู้สึกว่าเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง จึงออกสืบหาว่าชายในภาพนี้เป็นใครอยู่ที่ไหน เนื่องจากซิโมนาร์ซันทำงานให้กับเว็บไซต์ข่าว Conflict News ทำให้เขามีหนทางในการสืบหาชายคนนี้ได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เขาก็ได้ชื่อของคุณพ่อที่ขายปากการายนี้ เขาชื่อ อับดุล ฮาลิม อัตทาร์ (Abdul Halim Attar) เป็นผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ เพิ่งย้ายถิ่นฐานมาจากเมืองยามูค ในซีเรีย

 

Sponsored Ad

 

    อับดุลเล่าว่าวันนี้เขาได้อยู่ห่างไกลจากยามูคบ้านเดิมมาไกลมากแล้ว ครั้งหนึ่งเขาต้องไปใช้ชีวิตในแคมป์ผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ ที่อยู่ชายแดนทางใต้ของกรุงดามัสกัส ที่นี่เขาได้ทำงานในโรงงานช็อกโกแลต แต่วันนี้แคมป์ได้ถูกทำลายไปแล้ว จากเหตุการสู้รบในประเทศ อับดุลยังเล่าว่าเขาเป็นชาวปาเลสไตน์ แม้ว่าเขาจะมาจากประเทศซีเรีย แต่เขาก็ไม่ได้มีสถานะเป็นประชาชนชาวซีเรีย

 

Sponsored Ad

 

(ซ้าย ซิโมนาร์ซัน ขวา อับดุล)

    เมื่อตามจนพบตัวแล้ว ซิโมนาร์ซันก็ไม่รอช้า ช่วยเหลือเขาด้วยการเปิดรับบริจาคเงินให้กับอับดุลและลูกสาวผ่านทางทวิตเตอร์ ซึ่งในตอนแรกเขาคาดหวังว่าถ้าผ่านไป 15 วันแล้วน่าจะได้เงินซัก 5,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 164,590 บาท) แค่นั้นพอ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาได้เงินตามเป้าหมายภายในระยะเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น และเมื่อผ่านไป 22 ชั่วโมง ยอดเงินบริจาคก็พุ่งไปถึง 60,752 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.99 ล้านบาท) ไม่มีวี่แววว่าจะแผ่วลงเลยด้วย สุดท้ายตัวเลขตอนปิดรับบริจาคก็ไปจบที่ 191,000 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6.2 ล้านบาท)

 

Sponsored Ad

 

    ซิโมนาร์ซันเปิดเผยว่า “ผมประหลาดใจมากที่เรื่องราวนี้ได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างไม่น่าเชื่อ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก ผมต้องพยายามเข้าใจกับสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ยอดเงินมันมหาศาลมาก มันเกินระดับที่คาดหวังไปไกลแล้ว”

 

Sponsored Ad

 

    เงินบริจาคจำนวนมากนี้ได้เปลี่ยนชีวิตชายวัย 33 ปี จากที่ต้องพาลูกสาววัย 4 ขวบ เดินเร่ร่อนขายปากกาลูกลื่นตามท้องถนน 6 เดือน แต่ตอนนี้เขาได้กลายเป็นเจ้าของร้านเบเกอรี่ถึง 2 แห่ง ร้านขายเคบับอีก 1 ร้าน และภัตตาคารเล็ก ๆ อีก 1 แห่ง เขาจ้างงานผู้ลี้ภัยชาวซีเรียได้ถึง 16 คน

    อับดุลกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจว่า “สิ่งที่ผมได้รับ มันไม่เพียงแค่เปลี่ยนชีวิตผมเท่านั้น แต่เปลี่ยนชีวิตลูกของผมให้ดีขึ้นด้วย รวมไปถึงชีวิตของชาวซีเรียอีกหลายคนที่ผมได้ช่วยเหลือไว้” นอกจากนี้เขายังเผยอีกว่าได้ส่งเงินจำนวน 25,000 เหรียญ (ประมาณ 822,950 บาท) ไปให้กับญาติและเพื่อน ๆ ที่ยังอยู่ในซีเรีย และเงินบริจาคเหล่านั้นได้ทำให้ตัวเขาและครอบครัวที่อยู่ด้วยกันในเบรุต มีสภาพชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นในพริบตา ส่วนภรรยาของเขาขอเดินทางกลับไปซีเรียเพื่อทำธุระอย่างอื่น

 

Sponsored Ad

 

    อับดุลพานักข่าวไปดูอพาร์ตเมนต์ใหม่ของเขา ที่ดูไม่ทรุดโทรมเหมือนแต่ก่อน เป็นห้องที่โล่งว่างเพราะยังตกแต่งไม่เสร็จ แต่รีมลูกสาวตัวน้อยก็ภูมิใจกับบ้านใหม่ของเธอ นอกจากนี้เธอยังมีของเล่นเครื่องครัวพลาสติก และตุ๊กตาหมีด้วย รีมยังมีพี่ชายอีกคนชื่อ อับดุลเลลา วัย 9 ขวบ ที่ได้กลับไปเรียนหนังสืออีกครั้ง หลังจากต้องหยุดเรียนไปถึง 3 ปี

Sponsored Ad

    แม้ว่าวันนี้อับดุลจะเป็นเจ้าของถึง 4 กิจการ แต่ทั้งหมดนี้ก็มาจากเงินเพียงแค่ 40% จากยอดบริจาคทั้งหมด เพราะว่าเงินบริจาคจะมาถึงอับดุลได้นั้นต้องผ่านระบบของ Paypal ที่หักค่าดำเนินการไปมากถึง 20,000 เหรียญ (ประมาณ 658,360 บาท) ที่ตัวเลขค่าดำเนินการค่อนข้างสูงนั่นก็เพราะ Paypal ไม่ได้มีพื้นที่ทำการในเลบานอน แล้วเวลาจะถอนเงินแต่ละครั้ง อับดุลก็ต้องให้เพื่อนของเขาทยอยไปเบิกเงินจากดูไบมาครั้งละนิดละหน่อย 

    แต่สำหรับอับดุลนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะต้องเจอกับปัญหาการเบิกเงินบริจาค และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะถอนเงินบริจาคที่เหลือทั้งหมดออกมาได้ แต่ถึงแค่นี้เขาก็รู้สึกซาบซึ้งอย่างมากแล้ว เขาพึงพอใจมาก ๆ ที่กิจการเบเกอรี่เขารุดหน้าไปได้ดี เขาได้รับยอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน ด้วยการสนับสนุนจากเหล่าคนงานและครอบครัวคนงานในละแวกนั้นที่ชื่นชอบขนมปังและชาวาร์มาจากร้านเขา (เป็นอาหารตะวันออกกลางที่มีเนื้อหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ตั้งทับกันเป็นรูปทรงกรวย และย่างบนเครื่องย่างแบบหมุนที่หมุนช้า ๆ )

    อับดุลแนวคิดการจัดการเงินที่นั้นค่อนข้างดี เขากล่าวว่า “ผมจำเป็นต้องใช้เงินบริจาคที่ได้มาลงทุนไปกับกิจการต่าง ๆ ไม่งั้นมันจะสูญหายไปกับอย่างอื่นหมด อย่างไร้ประโยชน์”


    อับดุลยังบอกอีกว่าตัวเขาและคนงานอีก 16 นั้นโชคดีกันมาก ที่ได้มีที่ทำกินในเลบานอนนี้ เพราะยังมีผู้ลี้ภัยชาวซีเรียอีกกว่า 1.2 ล้านคนในเลบานอน ที่ยังต้องดิ้นรนหางานทำ และจะมีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น ที่จะถูกจ้างงาน 

    อับดุลกล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเขาทักทายผมอย่างสนิทสนมเวลาที่พวกเขาเห็นผม ผมได้รับความเคารพเกรงใจมากขึ้นแล้วในวันนี้” เมตตาธรรมจากมนุษย์ต่อมนุษย์เป็นเรื่องสวยงามเสมอ ไม่ว่าจะเกินบนแห่งหนใดในจักรวาลนี้

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

ที่มา : popsugar

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ