"น้ำตาล ชลิตา" เปิดใจครั้งแรก เล่าชีวิตก่อนมงลง ต้องขอข้าววัดกิน รับจ้างเป็นแม่บ้านแต่เด็ก

คอมเมนต์:

"ต่เราไม่ได้มีเงินเก็บ หนูไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวหรือไปเล่นกับเพื่อนเลย" #น้ำตาลชลิตา มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016

        กว่าจะมาเป็นเจ้าของตำแหน่ง "มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016" (Miss Universe Thailand 2016) เป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งกับสาวงามจากชาติอื่น ๆ และกลายเป็นนักแสดงสาวที่มากความสามารถ เชื่อว่ามีหลายคนอาจจะยังไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับตัวของ "น้ำตาล ชลิตา" ว่าที่ผ่านมาเธอต้องผ่านความยากลำบากมามากมายตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ด้วยซ้ำ

        และล่าสุดเจ้าตัวก็มีโอกาสเปิดใจถึงเรื่องราวดังกล่าวผ่านรายการ คุยแซ่บSHOW เป็นที่แรก 

 

Sponsored Ad

 

        โดยสาวน้ำตาลเผยว่า ไม่เคยเจอพ่อแท้ ๆ ตั้งแต่เกิด ตนโตขึ้นมาก็ไม่รู้แล้วว่ามีพ่อ อยู่กับแม่มาตลอดจนไม่รู้สึกขาดอะไร คุณพ่อก็มีติดต่อมาบ้างผ่านผู้จัดการ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าจะคุยอะไรหรือเรียกยังไง เพราะตนไม่มีความรู้สึกว่าขาดตรงนั้น เลยไม่รู้ว่าจะคุยอะไร 

 

Sponsored Ad

 

        "เขาบอกผ่านทางพี่ผู้จัดการว่าอยากคุยอยากเจอหน้า แต่เรารู้สึกว่าถ้าอยากเจอมันก็น่าจะตั้งแต่เด็กแล้วที่เรายังเรียนอยู่หรือที่เราลำบากอยู่ เขาน่าจะเอื้อมมือมาช่วยเราตรงนั้นแล้ว แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเราผ่านความลำบากกับแม่มาในทุก ๆ ช่วงในชีวิตมาเยอะมาก มันทำให้เรารู้สึกไม่ได้ขาดความอบอุ่นทางด้านครอบครัว" สาวน้ำตาล เล่า

        โดยเธอเผยอีกว่า ตนไม่น้อยใจหรือโกรธคุณพ่อเลย เพราะตนมีแม่ที่เข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดได้ดีมาก ๆ ไม่ได้รู้สึกโกรธ ไม่ได้รู้สึกเกลียด ไม่รู้สึกอะไรเลย

 

Sponsored Ad

 

        เมื่อถูกถามว่าก่อนหน้านี้เคยคุยกับแม่ไหมว่าอยากเจอคุณพ่อ สาวน้ำตาลก็เผยว่า ไม่เคยได้ถามเลย เพราะว่าตลอดระยะเวลาชีวิตที่ผ่านมาเราต้องอยู่กับแม่ทำงานอยู่ตลอดเวลา เราไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องตรงนั้น

 

Sponsored Ad

 

        ทั้งนี้เมื่อถูกถามว่าเหนื่อยยังไงบ้าง สาวน้ำตาลก็เผยว่า แม่ไปทำงาน ถ้าวันไหนว่างจากแคดดี้ แม่จะไปขับแท็กซี่ หรือไปเป็นกระเป๋ารถเมล์ ตนก็จะไปเป็นแม่บ้านแทนแม่ ไปทำงานที่โบสถ์ 

        "ทำมาเรื่อย ๆ ตอนนั้นรู้สึกเหนื่อยเราเป็นเด็กเรากลัวการเดินทาง เราไม่รู้เส้นทางเราจะกลัว เหนื่อยก็เหนื่อยไหนจะมากลัวว่าเลยป้ายไหมต้องลงตรงไหน ค่อนข้างเครียดนะตอนนั้นทำอยู่นาน เพิ่งมาทำสนามบินตอนช่วงมัธยมศึกษาปีที่ 3" สาวน้ำตาล เล่า

 

Sponsored Ad

 

        และเมื่อถามว่ารายได้พอค่าใช้จ่ายตอนนั้นไหม สาวน้ำตาลก็เผยว่า "พอหาเช้ากินค่ำ พอในตรงนั้นแต่เราไม่ได้มีเงินเก็บ หนูไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวหรือไปเล่นกับเพื่อนเลย เราพยายามตั้งใจเรียนอยู่ห้องคิงมาตลอด วิทย์-คณิต เราเป็นคนใฝ่มากกว่า พยายามขยันให้เท่ากับคนเก่งมากกว่า"

 

Sponsored Ad

 

        และเมื่อถูกถามว่าอิจฉาเพื่อนรอบข้างไหมเขาได้ใช้ชีวิต ได้ออกไปเที่ยว สาวน้ำตาลก็ยอมรับว่า แอบน้อยใจบ้างในบางช่วง แต่ตอนนั้นตนก็รู้สึกสนุกกับการทำงาน ได้สอนชีวิตตนตั้งแต่เด็กเหมือนกันในการมีระเบียบ รู้จักคิด บางคนอาจจะไม่เคยทำในสิ่งที่ตนทำตอนอายุนั้นก็ได้ พอโตขึ้นมาตนพยายามหางานที่มันต่อกับความรู้ของตนได้ เช่น ทำงานในสนามบินก็ช่วยในเรื่องการพูดภาษาอังกฤษ

        และเมื่อถูกถามว่าเหนื่อยลำบากตั้งแต่เด็ก เคยบอกแม่ไหมว่าให้กลับไปหาพ่อ เผื่อชีวิตจะดีขึ้น สาวน้ำตาลก็เผยว่า ไม่เคยได้คิดตรงนั้นเลย 

Sponsored Ad

        "เพราะว่าเหมือนแม่เขาเติมเต็มให้เราแล้วไม่ได้รู้สึกขาดอะไรเลย" สาวน้ำตาล กล่าว

        และเมื่อถูกถามว่ามีช่วงที่ท้อและเคยแอบร้องไห้คนเดียวบ้างไหม สาวน้ำตาลก็ได้ยอมรับว่า มี 

        โดยเจ้าตัวได้เล่าต่อว่า ช่วงที่นั่งรถไปทำงานนั่นแหละ มันเหนื่อยมากนะคะทำงานมาทั้งวัน ส่วนคุณแม่เขาไม่ค่อยแสดงให้เราเห็น เขาบอกว่าเขาเหนื่อย แต่เขาพยายามสู้เพื่อหนู หนูเลยรู้สึกว่าแม่ยังสู้เพื่อเราเลยทำไมเราจะสู้เพื่อแม่ไม่ได้

        ทั้งนี้สาวน้ำตาลก็เล่าต่อว่า ตอนเด็ก ๆ ต้องย้ายโรงเรียนบ่อย เพราะว่าคุณแม่ทำงานหลายที่ ถ้าแม่ต้องไปทำงานต่างจังหวัด ตนก็ต้องย้ายไปต่างจังหวัด เพื่ออยู่ใกล้แม่ ตอนเด็ก ๆ ย้ายโรงเรียนบ่อยมากจนจำไม่ได้

        ส่วนช่วงที่ลำบากที่สุดก็คงจะเป็นช่วงประถมหรือมัธยม พอหนูโตขึ้นตนก็ต้องทำหลายอย่างมากขึ้น เรียนก็หนักด้วย 

        และเมื่อถามว่าแม่บอกไหมช่วงที่เหนื่อยเยอะ ๆ กำลังใจมากจากไหน สาวน้ำตาลก็เผยว่า "กำลังใจของแม่ก็มาจากหนูนี่แหละค่ะ แม่เขาอยากให้หนูโตมามีหน้าที่การงานที่ดี ได้ทำงานที่มั่นคง มีชีวิตที่มั่นคง"

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

ที่มา : Orange Mama, Instagram namtanlitaa

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ