เธอยอม "ขับรถไกล100 กม." ไปทำงานทุกวันก็เพื่อบ้านชนบท แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้มามันคุ้มค่ามากจริงๆ
คอมเมนต์:
พวกเขายอม ทิ้ ง ชีวิตในเมืองและกลับสู่ชนบท! ในปี 1938 นักเขียนชาวอเมริกันผิวเหลืองอยากสัมผัสกับชีวิต "ที่ไร้ความวิตกกังวลและการงานของบรรณาธิ เพื่อทำให้ช่วงเวลาหนึ่งสัปดาห์นี้ผ่านไป"
เขาพยายามโน้มน้าวให้แคทเธอรีนภ ร ร ย าของเขาย้ายไปอยู่ที่ชนบทด้วยกัน เขียนคอลัมน์ลงในนิตยสารไปด้วยและเลี้ยงแกะไปด้วย ในปี 2012 ขณะที่ยังอยู่ในปักกิ่ง เหมาจี่ฮุย ยังคงพยายามชักชวน ภ ร ร ย า ซึ่งมีชื่อจีนว่า “ซูเหยี่ยน”
Sponsored Ad
แต่ทว่า ซูเหยี่ยนไม่เห็นด้วย ในเวลานั้น ซูเหยี่ยนเป็นบรรณาธิการของนิตยสาร "Better Homes & Gardens" สอนผู้คนถึงวิธีจัดการกับครอบครัวเล็ก ๆ ของตัวเอง ส่วน เหมาจี่ฮุย เป็นนักออกแบบตกแต่งภายใน
Sponsored Ad
เนื่องจากการงานของทั้งคู่ทำให้ยากที่จะแยกตัวออกมาอาศัยนอกเมืองได้ ในตอนนั้นบ้านของพวกเขาอยู่ใจกลางเมือง ย่านธุรกิจ พื้นที่ประมาณ 160 ตารางเมตร
หน้าหลังก็มีสวนเล็กๆ
พักแล้วสบายมาก แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจมาก นั้นคือ หมอกควันและกลิ่นเหม็นเน่าของขยะ พวกเขาชอบธรรมชาติมาก ชอบแบกเป้ออกไปปีนเขา พักอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอยู่บ่อยครั้ง เมื่อก่อนเพื่อการงาน เหมาจี่ฮุย ก็อดกลั้น
Sponsored Ad
แต่ในปี 2009 ตั้งแต่มีลูกสาว เขาก็ไม่อดทนอีกต่อไป เพราะลูกสาวชอบไอตลอดเวลา
เมื่ออายุของลูกสาวเริ่มย่างเข้า 4 ขวบก็เริ่มออกอาการบางอย่าง และลูกข้างบ้านก็มีอาการเช่นเดียวกัน บ้านอากาศดี น่าอยู่ แต่การจะเปลี่ยนทั้งอากาศของทั้งเมืองนั้นเป็นไปได้ยากมาก
เมื่อป้องกันไม่ได้ ก็ต้องหลบหนี แวบแรกที่นึกออกคือบ้านที่ชนบท เนื่องจากทั้งสองมีหน้าที่การงานที่ดี รายได้ก็ไม่น้อย
Sponsored Ad
แต่ทว่าบ้านในปักกิ่งแพงมาก อย่าว่าแต่ซื้อเลย ขนาดจะเช่ายังลำบากเลย ทำให้เหมาจี่ฮุยนึกขึ้นได้ว่า งั้นบ้านในชนบทล่ะเป็นไง?
ห่างจากในเมืองก็มาก ที่สำคัญราคาถูกกว่าด้วย เขาพยายามหามาแล้วหลายที่จนได้ที่นี่ ใกล้หุบเขา ใกล้โรงเรียน เขานำความคิดนี้ไปเสนอให้ซู่เหยียน ในตอนนั้นเธอเริ่มร้อนใจแล้ว เธอบอกว่า “ความคิดนี้ไม่เลว แต่ฉันจะไปทำงานยังไงล่ะ?”
Sponsored Ad
คุณออกแบบอยู่บ้านทำงานได้ แต่ฉันต้องออกไปทำงานทุกวัน ย้ายออกมาอยู่ตรงนั้น ฉันต้องใช้เวลาเดินทางหลายชั่วโมงและนั้นก็ทำให้ความฝันของเขาต้องจบลง
เหมาจี่ฮุยยืนยัน แต่ซู่เหยียนก็คัดค้านใหญ่ หลังจากที่ทั้งสองปรึกษาหารือกันอยู่นาน สุดท้ายซู่เหยียนก็ตอบตกลง เนื่องจากว่าลูกสาวย่อมเป็นแก้วตาดวงใจของพ่อแม่อยู่แล้ว เพื่อลูกสาว คนเป็นแม่อย่างซู่เหยียนยอมเสียสละได้ทุกอย่าง
Sponsored Ad
ในตอนนั้นคอนเซ็ปหน้าปกนิตยสารที่เธอทำงานก็คือ “บ้านที่ดี สวนที่ดี ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี” ทุกวันเขียนนิตยสารแนะนำความเป็นอยู่ที่ดีให้คนอื่น ฉะนั้นเริ่มต้นจากตนเองเลยดีกว่า เพื่อให้ความฝัน “บ้านกลางธรรมชาติ”
Sponsored Ad
หลังจากที่ภ ร ร ย า ตอบตกลงแล้ว เหมาจี่ฮุยก็รีบขับรถไปหาบ้านในระแวกนั้นทันที เจอคนแถวนั้นก็ถามและพยายามอย่างมากกับการย้ายบ้านครั้งนี้ เพื่อจะมีบ้านในฝัน
สุดท้ายเขาก็พบบ้านนี้มีพื้นที่รอบๆกว้าง 1533 ตารางเมตร มีห้องนอน 6 ห้อง รอบๆบ้านยังมีสวนที่กว้างใหญ่มาก ในสวนปลูกต้นท้อและเชอร์รี่เต็มไปหมด รวมแล้วกว่า 43 ต้น
ซู่เหยียนนึกในใจว่า “โอ้ ฉันต้องเดินไกลขนาดนี้ทุกวันเลยหรือเนี้ย?”
แต่พอลงจากรถก็ถึงกับเปลี่ยนความคิด เพราะบรรยากาศที่นี่ดีมาก รอบบ้านมีแต่ต้นไม้ ทำให้เธอตัดสินใจอาศัยในบ้านหลังนี้ ทั้งคู่จึงตัดสินใจเช่าบ้านหลังนี้ไว้ พวกเขาทำสัญญาเช่า 15 ปีค่าเช่าเดือนละประมาณ 5000-6000 หยวน (ราว 21,000- 25,000 บาท) ทั้งสองเริ่มออกแบบ ตกแต่งบ้าน และเสร็จสิ้นเมื่อช่วงเดือนมีนาคม ปี 2013
ภายนอกบ้านพวกเขาไม่ได้ปรับปรุงอะไร มีเพียงเปลี่ยนแปลงประตูหน้าบ้านนิดหน่อย และโครงสร้างบ้านเสริมเหล็กให้แข็งแรงขึ้น
เหมาจี่ฮุยชอบคานที่ทำจากไม้ ยกเว้นปูนที่บนหลังคา ส่วนที่เหลือจะถูกเปิดออก ประกอบด้วยหน้าต่างและประตูที่ทันสมัยและกว้างขวาง รสนิยมของบ้านมีกลิ่นอายของชาวยุโรป
ติดกับบ้านยังมีบังกะโลที่มีหลังคาสกายไลท์โค้งและผนังม่านแก้ว
.
ส่วนพื้นที่ตรงกลางบ้านจะมีพื้นที่ว่างที่กว้างใช้สำหรับพื้นที่สาธารณะ เพราะนี่เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ที่คนในบ้านจะใช้เวลานานที่สุด ทั้งคู่หวังว่านี่จะให้เป็นพื้นที่วิ่งเล่นของเด็ก
ห้องนอนก็ไม่ต้องใหญ่เกินไป ไม่มีกระเบื้อง ไม่มีสี เป็นปูนเปลือยทั้งหมด จะวางพรมในพื้นที่ที่ให้ลูกสาวนั่งเล่น
ตามฝาผนังก็มีผลงานรูปภาพที่ซู่เหยียนวาดไว้มากมาย
.
.
.
.
.
.
.
.
.
สวนภายในบ้านมีผักผลไม้มากมายจนกินไม่หมด บางครั้งซูเหยียนก็เอาไปให้เพื่อนร่วมงานด้วย
.
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือ ลูกสาวสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งไปกว่านั้นอาการไอก็ค่อยๆลดลง นั้นคือสิ่งที่พ่อแม่ต้องการที่สุด ไม่เพียงได้สุขภาพที่ดี สุขจิตของทั้งบ้านก็ดีขึ้นด้วย
ลูกสาวกล้าแสดงออกมากขึ้น มีกิจกรรมให้เธอได้ทำมากขึ้น เช่นปลูกผัก ทำสวน ก่อนหน้านี้ลูกสาวกลัวแมลงมาก ตอนนี้พอเห็นแมลงมากินผักหรือผลไม้ที่ตนเองรักก็กล้าที่จะใช้มือจับ แต่บางครั้งก็ต้องเบรคไว้ก่อน เพราะแมลงบางชนิดอาจมี พิ ษ ได้
เมื่อก่อนที่บ้านไม่ได้เลี้ยงสุนัข แต่ปัจจุบันพวกเราเลี้ยงไว้สองตัว ลูกสาวแต่ก่อน ก ลั ว สุนัข ตอนนี้ขยันพามันออกไปเดินเล่นมาก
เวลาผ่านไปเร็วมาก ครอบครัวอาศัยในบ้านหลังนี้มานานกว่า 4 ปีแล้ว เพื่อนบ้านและเพื่อนร่วมงานพากันอิจฉาชีวิตแบบนี้มาก ทุกอาทิตย์ก็จะพากันมาเยี่ยมที่บ้าน มาเด็ดผักในสวนไปกิน และนอนดูภูเขา สูดอากาศที่สดชื่น
แต่มีคนบอกว่ามันไม่คุ้มค่าเลย เพราะซู่เหยียนต้องขับรถไกลกว่า 100 กิโลเมตรทุกวันเพื่อไปทำงานเปลืองค่ารถ ค่าน้ำมันมาก และเงินที่เหมาจี่ฮุยลงทุนต่อเติมบ้านก็ประมาณ 700,000
แม้ว่าต้องเสียเงินมากมาย หลายคนมองแล้วว่าครอบครัวนี้ค่อนข้างแปลก ทำอะไรที่ไม่คุ้มค่า แต่ทว่าชีวิตไม่ได้มีค่าแค่นี้ มันมีค่ามากกว่าเงินทอง จริงไหม?
เพราะที่นี่มีชีวิตที่สวยงามและน่าจดจำ เป็นความทรงจำและประสบการณ์ที่บางครั้งเงินไม่สามารถซื้อได้ นักออกแบบภายในอย่าง เหมาจี่ฮุย เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น จนทำให้หน้าที่การงานของเขาเติบโตขึ้น
.
ส่วนลูกสาวก็ร่าเริง สดใสกับชีวิตที่ผ่อนคลายแบบนี้มาก ครอบครัวนี้ได้เห็นเป้าหมายในชีวิตว่าพวกเขาต้องการอะไรกันแน่ ชีวิตเป็นของเรา ต้องรู้จักมีชีวิตเพื่อความสุขของตนเอง ฉะนั้นการทุ่มเทออกไปมากมายขนาดนี้ มันคุ้มค่ามากสำหรับพวกเขา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ที่มา :nocancers
แปลและเรียบเรียงโดย thousandreason