อุตสาหกรรมบริการเป็นอาชีพที่ต้องพบปะผู้คนมากที่สุด และต้องรับมือกับอารมณ์ของลูกค้าในแต่ละประเภท ซึ่งต้องมีความอดทนสูงมาก และต้องปั้นหน้ายิ้มสู้เสมอ สื่อนอกเผยมีชาวไต้หวันรายหนึ่งออกมาโพสต์เล่าเรื่องประสบการณ์ของตนเองให้ฟังว่า ที่บ้านเปิดร้านขายอาหารเช้า พ่อแม่ และตนเองก็ช่วยเหลือกันดำเนินธุรกิจนี้มาด้วยกันนานหลายปี 

    ในช่วงเช้าที่ผู้คนเริ่มมาทานอาหารเช้า ลูกค้าจะเยอะมากเป็นพิเศษ จึงได้จ้างพนักงานคนหนึ่งมาช่วยที่ร้าน พอประมาณ 10 โมงคนก็จะเริ่มน้อยลง นอกเหนือจากเวลานั้นพวกเขาพ่อแม่ลูกก็สามารถดูแลร้านได้สบาย ก็จะให้พนักงานคนนั้นกลับบ้านไป 

    แต่ทว่ามีอยู่วันหนึ่ง ที่บ้านของพี่พนักงานที่เราจ้างเกิดมีธุระกระทันหัน ทำให้ไม่สามารถมาช่วยที่ร้านได้ 2 วัน ในตอนนั้นพวกเขายุ่งมาก ลูกค้าเต็มร้าน ทำให้พวกเขาทำออร์เดอร์ของลูกค้าไม่ทัน ขนาดน้องไรเดอร์พนักงานส่งอาหารก็เข้ามาช่วยเหลือ

    ในตอนั้นเองก็มีลูกค้ารายหนึ่งเดินมาสั่ง “ชุดอาหารอเมริกัน” พร้อมกำกับว่า “ไม่เอาซีอิ๊ว” เธอได้เขียนกำกับไว้ที่กระดาษออร์เดอร์ของลูกค้าแล้ว แต่เนื่องจากยุ่งมากพ่อจึงไม่ได้สังเกตเห็น เมื่อทำเสร็จน้องที่มาช่วยก็เอาไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะลูกค้ารายนั้นทันที  ในตอนนั้นลูกค้าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแล้วตะโกนว่า “ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรอว่า ไม่เอาซีอิ๊ว”

    ลูกค้ารายนี้ตะโกนลั่นร้านจนลูกค้าทุกคนหันมามอง ในตอนนั้นน้องที่มาช่วยก็บอกว่า “ขออภัยค่ะ เดี๋ยวจะรีบเปลี่ยนให้นะคะ” แต่ลูกค้าคนดังกล่าวก็ไม่หยุดต่อว่า เธอบ่นไปเรื่อยๆไม่หยุด และยังบ่นอีกว่า “ร้านเฮงซวยอะไรก็ไม่รู้ ทำอาหารก็ช้า แล้วทำผิดอีก” จากนั้นน้องที่มาช่วยงานก็รีบเอาไข่ดาวที่ไม่มีซีอี๊วดำราดไปเสิร์ฟในเวลาอันรวดเร็ว ลูกค้ารายนี้กลับพูดคำหนึ่งออกมาว่า “เธอนี่มันไม่มีอนาคตเลยนะ ถึงได้มาทำงานเป็นแค่เด็กเสิร์ฟ ลูกสาวฉันก็อายุรุ่นเดียวกับเธอได้ ตอนนี้ออกไปเรียนต่อที่เมืองนอกแล้ว”

    น้องที่มาช่วยงานก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร แล้วเดินตรงไปที่พัดผม จากนั้นก็เปิดเบอร์แรงสุดๆ แล้วพูดว่า “ขอโทษนะคะ พอดีที่นี่มีกลิ่นปากเน่า ก็เลยอยากเปิดแรงๆ เพื่อพัดกลิ่นนั้นออกไป” ลูกค้าคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ภายในร้านต่างพากันหัวเราะลั่น 

    หลังเลิกงานน้องที่มาช่วยงานก็กล่าวขอโทษพ่อของเธอ ด้านพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไร แถมยังบอกอีกว่า หากเจอลูกค้าแบบนี้อีกก็ให้ไล่ออกจากร้านไปเลย (แรงกว่าน้องอีกนะเนี่ย)

ที่มา : liekr