เท้าแชร์นักศึกษาม.ดัง วัย 22 สร้างบ้านออมเงิน Milk Milk ตุ๋นเงินลงทุนร่วม 300 ล้าน

คอมเมนต์:

ยังเด็กอยู่เลย..

        เปิดความคืบหน้าของ "คดีเท้าแชร์บ้านออมเงิน Milk MilK" ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง อายุเพียง 22 ปี หลอกลวงชักชวนร่วมลงทุนออมเงินผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท

        TNN รายงานว่า มีผู้เสียหายรวมตัวกันกว่า 30 คน แจ้งความและเร่งคดีถูกหลอกลวงชักชวนร่วมลงทุนออมเงินผ่านช่องทางเฟซบุ๊ก โดยมีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 300 รายในหลายภูมิภาค มูลค่าความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท หลังผู้เสียหายร่วมลงทุนกลับไม่สามารถคืนผลกำไรให้ได้ และแจ้งว่าบ้านแชร์ล่มในที่สุด

 

Sponsored Ad

 

        ซึ่งหนึ่งผู้เสียหายชาย วัย 33 ปี ได้เปิดเผยว่า ตนรู้จักบ้านออมเงินบ้านแชร์ มิลล์ มิลล์ ผ่านเพื่อน ๆ และช่องทางเฟซบุ๊ก ซึ่งเห็นว่าเปิดมาแล้วประมาณ 2 ปี มีความน่าเชื่อถือเชิญชวนให้มีการลงทุนออมเงินแล้วจะได้ผลตอบแทนดี ตนจึงนำเงินร่วมลงทุนไปด้วยจำนวน 50,000 บาท โดยในเวลา 15 วัน จะได้ผลกำไรกลับคืนมาประมาณ 60,000 บาท 

 

Sponsored Ad

 

        นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายบางรายเป็นเพียงนักศึกษา แต่ลงทุนไปมากถึง 1 ล้านบาท เรตลงทุนมีหลายแบบ เช่น ราย 10 วัน, ราย 20 วัน, ราย 30 วัน, ออม 1,000 รับ 1,150 บาท, ออม 10,000 รับ 13,000 บาท, ออม 70,000 รับ 91,000 บาท เป็นต้น กลับไม่ได้ผลกำไรตามข้อตกลงกลับคืนมา

        จนเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา บ้านออมเงินบ้านแชร์ล่มและมียอดเงินที่ต้องคืนให้กับสมาชิกเป็นเงินจำนวน 7 ล้านบาท เท้าแชร์ได้แจ้งสมาชิกว่า บ้านออมเงินบ้านแชร์ล่มไม่สามารถคืนเงินให้กับสมาชิกได้ สมาชิกจึงพากันรวมตัวไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามตัวและดำเนินคดีกับเท้าแชร์วัย 22 

 

Sponsored Ad

 

        ขณะที่สาวผู้เสียหายอีกรายหนึ่งได้เผยว่า ตนรู้จักบ้านออมเงินนี้จากสื่อโซเชียล ซึ่งตอนแรกก็สองจิตสองใจจะลงทุนดีไหม โดยเริ่มต้นลงทุนที่ 10,000 บาท ก็ได้กำไรมา 3,000 บาท จากนั้นตนก็ลงทุนเรื่อยมาเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งได้กำไรมาโดยตลอด ก็ตัดสินใจเพิ่มยอดเงิน ก่อนที่จะมีประกาศปิดบ้าน แล้วก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก รวมยอดที่เสียไปทั้งสิ้นประมาณ 200,000 บาท

        ในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียกนักศึกษาคนดังกล่าว ประกอบกับสอบปากคำผู้เสียหาย และรวบรวมหลักฐาน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ที่มา : TNN, สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดพิษณุโลก

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ