หัวอกพนักงานสาวส่งอาหาร ทำงานวันละ 18 ชม. หาเลี้ยงลูก 5 คน ขาดรายได้เพราะคนมักง่าย
คอมเมนต์:
ด้วยสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก และทำให้หลายคนตัดสินใจลดการออกจากบ้านไป แต่ก็ยังคงมีคนอีกหลายกลุ่มที่ต้องทำงานกันอย่างหนักในช่วงเวลานี้ นอกจากหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ คนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องทำงานหนักไม่เว้นวัน ก็คือกลุ่มคนส่งของและพนักงานเดลิเวอรี่ทั้งหลาย
ภาพประกอบบทความ
Sponsored Ad
แม้ว่าในช่วงนี้ความต้องการตัวพนักงานส่งของเดลิเวอรี่จะสูง แต่แน่นอนว่าการทำงานเป็นพนักงานเดลิเวอรี่นั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะเสี่ยงแล้ว ยังต้องระวังอุบัติเหตุต่างๆ บนท้องถนน เหมือนอย่างเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับพนักงานเดลี่เวอรี่รายหนึ่ง ที่ทำให้เธอต้องบาดเจ็บแถมยังสูญเสียรายได้ ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้
ภาพประกอบบทความ
Sponsored Ad
เว็บไซต์เวิล์ดออฟบัซ รายงานว่า มีผู้พบเห็นหญิงวัย 40 ปี ซึ่งทำงานเป็นพนักงานแกร็บฟู้ด ในประเทศสิงคโปร์ ในแต่ละวันเธอต้องทำงานส่งอาหารนานถึง 14-18 ชั่วโมง เพื่อให้มีเงินพอมาหาซื้ออาหาร เลี้ยงดูปากท้องของลูกๆ ทั้ง 5 คน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงค่ำวันหนึ่ง ขณะที่เธอกำลังขี่จักรยานไฟฟ้าไปส่งอาหารตามปกติ อยู่ๆ ก็มีรถคันหนึ่งขับเข้ามาชนเธอจนล้ม ก่อนจะขับหนีไปทันที ทิ้งให้เธอนอนเจ็บอยู่เช่นนั้น
Sponsored Ad
เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เธอไม่สามารถเดินตรงๆ ได้เหมือนปกติ ต้องแอดมิตที่โรงพยาบาล เพื่อรอทำซีทีสแกนหลังจากนั้น 4 วัน และในช่วงเวลาที่เธอบาดเจ็บอยู่นี้ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากจริงๆ จากที่ต้องทำงานหนักเพื่อปากท้องของคนในบ้าน ตอนนี้เธอไม่สามารถทำงานได้
นอกจากนี้ หญิงสาวยังต้องเสียจักรยานไฟฟ้าซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เธอต้องใช้ในการทำงาน จากอุบัติเหตุดังกล่าว ทั้งที่เธอยังผ่อนไม่หมด ยังคงต้องส่งค่างวด และยังต้องใช้เงินในการเลี้ยงดูลูกๆ
Sponsored Ad
จากสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอตัดสินใจนำภาพและเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาเผยลงเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อขอความช่วยเหลือจากใครก็ตามที่น่าจะเห็นเหตุการณ์ ให้เข้ามาแจ้งข้อมูลและช่วยเป็นพยานแก่เธอ ในการติดตามตัวและเอาผิดคนขับรถคู่กรณีได้ เพราะตอนนี้เธอได้รับความเดือดร้อนมากจริงๆ
ภาพจาก เฟซบุ๊ก Lovinel Tan
Sponsored Ad
ทั้งนี้ เมื่อเรื่องราวของเธอได้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ก็ได้มีชาวโซเชียลจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจเธอ หลายคนยังเสนอที่จะหางานและบริจาคเงิน อาหารเล็กๆ น้อยๆ ให้เธอเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจอีกด้วย แม้จะมีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่เรื่องราวดังกล่าวก็แสดงให้เห็นว่า คนดีๆ ที่พร้อมจะยื่นมือมาช่วยเหลือผู้เดือดร้อนยังมีอยู่ในสังคม
ที่มา : เฟซบุ๊ก Lovinel Tan