หนุ่มเล่าประสบการณ์ ไปอยู่ต่างประเทศ 1 ปี ตัดสินใจกลับไทย เพราะคิดถึงครอบครัว

คอมเมนต์:

"ผมเคยไปอยู่ออสเตรเลียเกือบ 1 ปี และก็กลับไทยเพราะคิดถึงพ่อแม่ แต่พอผมกลับไทยแล้วเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น...แตกต่างกันอย่างไรบ้าง...อยากให้ทุก ๆ ท่านสละเวลาสัก 1-2 นาทีดูรูปของผม" เชฟหนุ่มกล่าว

        เป็นอีกหนึ่งกระแสร้อนแรงที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ เมื่อมีชาวโซเซียลสนใจรวมกลุ่มกันแชร์ความเห็นและประสบการณ์ในการไปใช้ชีวิตในต่างประเทศผ่านกลุ่ม "ย้ายประเทศกันเถอะ" ในเฟซบุ๊ก

        เรียกได้ว่ากลุ่มดังกล่าวมีคนให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก จนล่าสุดสมาชิกในกลุ่มทะลุ 1 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งนอกจากกลุ่มนี้แล้วยังมีกลุ่มอื่น ๆ ที่ตั้งขึ้นมาในลักษณะคล้ายกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการย้ายถิ่นฐาน และก็มีคนที่อยู่ต่างประเทศเข้ามาแชร์ประสบการณ์กันเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับที่ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Oneday Beyond Pop ก็ได้ออกมาเล่าเรื่องราวการใช้ชีวิตเกือบ 1 ปี ที่ประเทศออสเตรเลีย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจกลับประเทศไทยเพราะคิดถึงพ่อแม่ 

 

Sponsored Ad

 

        โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวได้เล่าว่า ตนมีความสุขมากเมื่อได้ไปต่างประเทศ ได้เจอกับบ้านเมืองที่สวยงาม มีเพื่อนหลากหลายเชื้อชาติ ไปเที่ยวธรรมชาติที่แปลกตา มีวัดไทยในออสเตรเลีย พระในวัดพร้อมให้การช่วยเหลือคนไทยเสมอ แถมที่สำคัญที่นั่นมีกฎหมายจราจรบังคับใช้ 100% อีกด้วย

 

Sponsored Ad

 

        นอกจากนี้ผู้โพสต์ยังได้เผยอีกว่า ตนเคยทำงานเกินเวลา 2-3 นาที นายจ้างรีบจ่ายค่าโอทีให้เพิ่มทันที พร้อมกับรีบขอบคุณที่ตนช่วยเหลืองาน รวมถึงขอโทษที่ทำให้ตนต้องเหนื่อยและต้องทำงานเกินเวลา โดยตนได้ค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่วันละมากกว่า 100 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 2,400 บาท)

        หลังจากนั้นตนก็กลับมารับปริญญาที่ประเทศไทย และทำงานเป็นเชฟ ซึ่งถูกนายจ้างบังคับทำโอทีทุกวัน แต่ไม่มีการจ่ายค่าโอทีเลย ทำให้ตนรู้สึกว่าไม่น่ากลับมาเลย ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ตนพยายามหาทางย้ายประเทศอีกครั้ง โดยการไปเป็นเชฟที่ประเทศแคนาดา

 

Sponsored Ad

 

        ซึ่งอีกเพียงแค่ไม่กี่เดือน ตนกำลังจะเดินทางไปเซ็นสัญญาทำงานเป็นเชฟที่ประเทศแคนาดา 

 

Sponsored Ad

 

        แต่กลับต้องเจอกับเหตุการณ์ที่ทำให้อนาคตตนดับวูบ และกลายเป็นแบบนี้มาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ตนได้รับเงินจากอีกฝ่ายมาเพียง 50,000 บาท โดยผู้พิพากษาบอกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่อุบัติเหตุ ไม่ควรให้อีกฝ่ายเข้าห้องขัง เพราะไม่เป็นธรรมแก่อีกฝ่าย เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้าย และทางอีกฝ่ายเองก็ได้ให้เงินช่วยมาแล้ว 

        ซึ่งครอบครัวของอีกฝ่ายมีฐานะในระดับหนึ่ง และทุกวันนี้อีกฝ่ายทำงานรับเงินสด ไม่โอนเข้าบัญชีเพราะกลัวจะถูกตนฟ้องยึดทรัพย์ ปัจจุบันอีกฝ่ายสามารถกินและเที่ยวกับครอบครัวได้อย่างมีความสุข ซึ่งต่างกับตนที่ทุกข์ใจมาก อีกทั้งยังเป็นหนี้มากมายเนื่องจากต้องยืมมารักษาร่างกายตัวเอง ก่อนที่ผู้โพสต์จะได้ทิ้งท้ายว่า อยากย้ายประเทศ แต่รอขึ้นศาลรอบสุดท้ายก่อน

        สามารถอ่านเรื่องราวทั้งหมดได้ที่ เฟซบุ๊ก Oneday Beyond Pop

ที่มา : เฟซบุ๊ก Oneday Beyond Pop

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ