เธอคลอดลูกสาว สามีจึงไล่ไปอยู่หลังบ้าน แต่สุดท้ายก็ต้องขอคืนดี เพราะลูกสาวคนเดียว

คอมเมนต์:

นี้ไม่ใช่ยุคสมัยโบราณ เพราะในยุคปัจจุบัน ยังมีเรื่องแบบนี้ให้เห็นกันมาก

    แม้ว่าในช่วงศักราชจีนสังคมจะค่อยๆพัฒนาขึ้น แต่วิสัยทัศน์สำหรับผู้หญิงก็ไม่ได้เปลี่ยนไปด้วย เหมือนเช่น หลินฮุ่ยยิน สาวในช่วงยุคนั้นที่มีความอารมณ์เบิกบาน เป็นคนค่อนข้างหัวสมัยใหม่ เปิดโลกกว้างสำหรับความสัมพันธ์ นั่นเพราะคุณพ่อของเธอ หลินชางหมิน ที่ดูแลเธอมาตั้งแต่เด็ก

 

    บิดาของเธอ หลินชางหมิน สำเร็จการศึกษาจาก Waseda University ในประเทศญี่ปุ่น ช่วงแรก ๆ หลินชางหมิน ถือเป็นคนในยุคนั้นที่ยอมรับแนวคิดใหม่ ๆ ดังนั้นในเรื่องความรัก หลินชางหมินก็มีความชอบในแบบของตนเอง แต่ทว่าเส้นทางการพบรักของหลินชางหมินเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก หลังจากแต่งภรรยา 3 คนแล้ว เขาถึงได้พบกับความรักที่สำคัญในชีวิตของตนเอง นั่นคือมารดาผู้ให้กำเนิดหลินฮุ่ยยิน ชื่อ เหอเซียะลวี่ เธอเป็น “รักแท้” ในเส้นทางชีวิตรักของเขาด้วย 

 

Sponsored Ad

 

 

     ภรรยาคนแรกของ หลินชางหมิน ร่างกายอ่อนแอ ไม่สบายบ่อยๆ หลังแต่งงานกับเขาก็ล้มป่วยและจากไปอย่างรวดเร็ว ในยุคนั้นเป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า การสืบทอดทายาทนั้นสำคัญยิ่งกว่าความรัก ความรู้สึก แม้ว่าจะเคยได้รับแนวความคิดของคนยุคใหม่เข้าไปบ้าง แต่หลินชางหมินก็ไม่อาจปฏิเสธหน้าที่ในการสืบทอดทายาทวัฒนธรรมของคนยุคเก่าได้ สุดท้ายเนื่องจากความกดดันของพ่อแม่ ทำให้เขาต้องแต่งงานใหม่กับ เหอเซียะลวี่ ตระกูลค้าขาย

 

 

Sponsored Ad

 

     ตระกูลค้าขายกับตระกูลแห่งบัณฑิตก็ได้มาพบเจอกัน ในตอนแรกหลินชางหยินรู้สึกดูถูกเหอเซียะลวี่มาก และเธอก็รู้ฐานะของตัวเองดี ทำให้เธออยากใช้ลูกเป็นสื่อกลางในการทำให้สามีหันมาสนใจเธอมากขึ้น แต่นั้นก็ไม่ได้ผล

.

 

Sponsored Ad

 

.

    แม้ว่าเธอจะคลอดลูกชาย 1 คน ลูกสาว 2 คนให้กับสามี แต่สุดท้ายลูก 2 คนของเธอก็จากไป เหลือไว้เพียงลูกสาวคนเดียว คือ หลินฮุ่ยยิน

 

 

Sponsored Ad

 

     ในสายตาของหลินชางหยินนั้น มองว่าเหอเซียะลวี่เป็นเพียงเครื่องมือในการผลิตลูกเท่านั้น และเมื่อเธอหมดค่าไปแล้ว ก็ยิ่งทำให้สามีดูถูกและมองข้ามคุณค่าในตัวเธอไปมากกว่าเดิม สุดท้ายเมื่อเหอเซียะลวี่ไม่สามารถมีบุตรได้อีก สามีจึงอ้างเหตุผลนี้ไปแต่งงานกับสาวเซียงไฮ้ที่ชื่อ เฉินกุ้ยหลิน และเธอก็ดูเหมือนจะรู้งานมาก ทำหน้าที่ของภรรยาได้ดี มีลูกชายให้กับหลินชางหยินถึง 4 คน ในตอนนั้น เหอเซียะลวี่และลูกสาวก็ถูกขับไล่ให้ไปอยู่อาศัยด้านหลังของโรงพยาบาล

 

    แม้ว่าเขาจะดูถูกและมองข้างภรรยาคนแรก อย่างเหอะเซียะลวี่ แต่เขาก็ยังชื่นชมลูกสาวของเธอเป็นอย่างมาก ในตอนที่ลูกสาวอายุเพียง 10 ปี เขาก็ได้พาเธอไปต่างประเทศเพื่อดูงานและทำความเข้าใจเกี่ยวกับงานด้านสถาปัตยกรรม ที่สำคัญคือ ในยุคนั้นการได้เดินทางไปต่างประเทศเพื่อท่องเที่ยวดูงานนั้นพบได้น้อยมาก แทบจะไม่มีเลย เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนมาก และคนส่วนใหญ่ยังไม่ยอมรับให้ลูกสาวเรียนหนังสือ

 

Sponsored Ad

 

.

    ตลอดชีวิตของเหอะเซียะลวี่แม้จะไม่เป็นที่ถูกใจสามี แต่เพราะลูกสาวของเธอ หลินฮุ่ยยินที่มีความสามารถออกหน้าออกตา จึงทำให้เธอยังมีพื้นที่ยืนในตระกูลนี้ขึ้นมาบ้าง ลูกสาวของเธอได้สร้างผลงานและชื่อเสียงมากมาย ช่วยเหลืองานของหลินชางหยินได้เป็นอย่างดี ทำให้เขาให้ความสำคัญกับลูกสาวคนนี้เป็นพิเศษ แม้จะเป็นลูกสาวก็ตาม แต่ทว่าลูกชายทั้ง 4 คนของเขากับภรรยาคนที่สาม กลับไม่มีวี่แววจะได้ความเก่งกาจเหมือนเขาเลย สู้ลูกสาว หลินฮุ่ยยิน ไม่ได้สักคน นี่ถือเป็นชัยชนะแห่งสำเร็จอย่างหนึ่งในชีวิตของเหอะเซียะลวี่ 

 

Sponsored Ad

 

 

    เรื่องราวของเหอะเซียะลวี่กลายเป็นตำนานที่ผู้คนพูดถึงมาก และทำให้คนในยุคนั้นประจักษ์ว่า "ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร หากไม่มีความสามารถ หรือไหวพริบด้านการทำงานก็อาจดูไร้ค่าได้เช่นกัน"

     สุดท้ายเหอเซียะลวี่ก็ได้รับการยอมรับจากสามี แม้จะไม่ใช่ความรักที่เต็มใจมากเท่าไหร่ แต่ด้วยความพยายามก็ผลักดันให้ลูกสาวคนเดียวของเธอ มีหน้ามีตาและได้รับการยอมรับในสังคมยุคนั้น

ที่มา : happyday543 | เรียบเรียงโดย หมื่นพันเหตุผล

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ