พระราชดำรัส ของ "กษัตริย์จิกมี" ทำไมต้องให้เจ้าชายน้อย "ทรงงาน" ตั้งแต่ยังชันษาน้อยๆ !
คอมเมนต์:
พระราชดำรัส กษัตริย์จิก มี ถึงเจ้าชายน้อย ‘วันนี้เราสอนลูก แต่วันหน้าเราต้องเรียนรู้จากเขา’
พระราชดำรัสกษัตริย์จิกมี หรือ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ที่ทรงตรัสถึงพระโอรสองค์น้อยว่า
Sponsored Ad
‘วันนี้…เราสอนลูก แต่วันหน้า…เราต้องเรียนรู้จากเขา’ นั้น แสดงให้เห็นถึงการทรงเป็นพระราชบิดาที่ทรงมีความอบอุ่นและมีพระเมตตายิ่งแล้ว อีกทั้งยังใส่พระทัยในการอภิบาลเจ้าฟ้าชายจิกมี นัมเกล วังชุก อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสมเด็จพระราชินีเจตซุน เพมา วังชุก ยิ่งไม่เคยทรงปล่อยให้เจ้าชายน้อยห่างพระวรกายเลย ทั้งสองพระองค์ร่วมกันทรงงานเป็นแบบอย่างให้พระโอรสได้ทอดพระเนตรอยู่เนืองๆ โดยทรงโปรดฯให้พระโอรสเสด็จฯร่วมงานตั้งแต่ชันษาน้อยๆ เพราะถือเป็นพระภารกิจของว่าที่กษัตริย์ภูฏาน
Sponsored Ad
อีกทั้งเคยตรัสว่า เจ้าชายน้อยมิใช่พระราชโอรสของพระองค์ท่านเพียงองค์เดียว แต่ทรงเป็นบุตรของประชาชนชาวภูฏานด้วย เราจึงได้เห็นทั้งสามพระองค์เสด็จฯ ทรงงานร่วมกันเนืองๆ
Sponsored Ad
พระราชดำรัสกษัตริย์จิกมี ถึงเจ้าชายน้อย
เจ้าชายน้อยทรงรับช่อดอกไม้จากเด็กๆ ที่มาร่วมจัดงาน
โดยงานที่เจ้าชายน้อยเสด็จฯ ล่าสุด เป็นงานนิทรรศการดอกไม้ของราชวงศ์ภูฏาน ครั้งที่ 5 จัดในพระราชวโรกาสที่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 39 พรรษา จึงได้เห็นพระโอรสองค์น้อยทรงร่วมงานนี้ด้วย โดยมีพระราชมารดาทรงให้การอภิบาลอย่างใกล้ชิด
Sponsored Ad
ทรงเล่นกับเค้กวันเกิดที่ทำจำลองขึ้นในงานดอกไม้
ทรงเล่นกับเจ้าชายองค์อื่นๆ
นอกจากจะทรงเล่นกับพระเชษฐาองค์อื่นๆ แล้ว ยังเสด็จพร้อมพระราชมารดา ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับกลุ่มเด็กๆ ที่มาแสดงในงาน
Sponsored Ad
ก่อนหน้านี้ ทั้งเจ้าชายน้อยและพระราชมารดาเสด็จฯ ร่วมงาน ที่มีกลุ่มเด็กๆ ท่องบทสวด lolay สื่อความหมายถึงความโชคดี และเพื่อถวายพระพรให้ทั้งสามพระองค์ ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์ ทรงต้องการสิ่งใดขอให้ได้ดังพระประสงค์
Sponsored Ad
.
ส่วนเมื่อครั้งที่นายกรัฐมนตรีประเทศอินเดีย เดินทางเยือนประเทศภูฏาน พระราชบิดาพร้อมพระราชินี และพระราชโอรสองค์น้อย ทรงให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ถือเป็นพระเมตตาและเกียรติอย่างหาที่สุดมิได้
Sponsored Ad
ทั้งนี้ สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ทรงมีพระราชประสงค์ให้พระราชโอรสองค์น้อย ทรงปฏิบัติพระภารกิจรับใช้ประชาชนชาวภูฏาน เฉกเช่นเดียวกับพระองค์ ดังพระราชดำรัสตอนหนึ่งในการเปิดประชุมสภาครั้งที่สอง เมื่อปี 2016 ว่า...
“…การประสูติของพระโอรส ทำให้ข้าพเจ้าและพระราชินีรู้สึกซาบซึ้งถึงความหมายของคำว่าความสุข ซึ่งข้าพเจ้ารู้ดีว่าต้องมีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น ข้าพเจ้าจะเลี้ยงดูเขาเช่นเดียวกับที่พระราชบิดาเคยเลี้ยงดูข้าพเจ้ามา และมั่นใจว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง บุตรชายของข้าพเจ้าจะทำงานรับใช้ประเทศและประชาชนอย่างดีที่สุด เหมือนอย่างที่ข้าพเจ้าได้สอนเขา และขอภาวนาว่า ในเมื่อวันนี้… เราเป็นครูสอนเขาก็จริง แต่วันหน้า..คงเป็นวันที่เราต้องเรียนรู้จากเขา
“ผู้ใหญ่มักพูดเสมอว่า มุมมองชีวิตเราจะเปลี่ยนไปเมื่อมีลูก ซึ่งบางท่านในที่ประชุมนี้อาจแปลกใจว่าความเป็นพ่อช่างส่งผลกับข้าพเจ้ามากเพียงนี้ ทุกครั้งที่ข้าพเจ้ากอดลูก และมองลึกเข้าไปในดวงตาเขา ทำให้ข้าพเจ้าตระหนักว่า เราไม่ได้เป็นผู้ปกครองของเขาเพียงครอบครัวเดียวในประเทศนี้ แต่เราต้องดูแลเด็กๆ ทั้งประเทศ ให้เขามีอนาคตที่สดใสกว่าคนรุ่นเรา และนั่นคือความรับผิดชอบในมือเรา ที่จะช่วยกันทำให้ประเทศนี้เข้มแข็ง มีความมั่งคั่งและสงบสุข เพื่อส่งต่อให้เด็กๆ ที่เป็นอนาคตของชาติต่อไป”
เพียงเท่านี้ ก็ทำให้เรารู้ซึ้งถึงเหตุผลที่พระองค์ท่านทรงโปรดให้เจ้าชายน้อยทรงงานตั้งแต่เยาว์ชันษา ช่างเป็นพระราชวงศ์ที่ทรงมีพระเมตตางดงามต่อประชาชนและแผ่นดินภูฏานยิ่งนัก ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
ข้อมูลและภาพ จาก เฟซบุ๊ค His Majesty King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck / praew