ลูกพ่อค้าขายน้ำพริกถุงชั่งกิโล ปิ๊งไอเดียทำ "น้ำพริกไซส์มินิ" พลิกยอดขายเกิน 100 ล้านต่อปี

คอมเมนต์:

ทำได้อย่างไร กับการขายน้ำพริก ให้ได้รายได้มากกว่า 100 ล้านต่อปี ชายคนนี้พิสูจน์แล้ว!

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเพิ่มเติมได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

    ด้วยรสชาติที่แสนอร่อยของน้ำพริก มีรสเผ็ดจัดจ้าน กลมกล่อมไปกับเครื่องเทศหอมๆ ทำให้ น้ำพริกรุ่งเจริญ เป็นแบรนด์น้ำพริกในใจใครหลายคน โดยเฉพาะคนไกลบ้านหรือคนในเมือง ที่แพ็กเกจของน้ำพริกแบรนด์นี้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตมาก

    คุณเอส ธนาวัฒน์ โพธิ์เผื่อนน้อย เจ้าของน้ำพริกรุ่งเจริญ เล่าถึงจุดเริ่มต้นธุรกิจไว้ว่า คุณพ่อคุณแม่ขายน้ำพริกอยู่ที่นครปญม แล้วย้ายมาสมุทรปราการ เช่าแผงขายที่ตลาดสำโรง ชื่อร้านน้ำพริกรุ่งเจริญ ในตอนนั้นยังไม่มีโลโก้หรือยี่ห้อ เป็นเพียงน้ำพริกตักใส่ถุงชั่งกิโลขาย

 

Sponsored Ad

 

    ด้วยความที่โตมากับน้ำพริก แม่ขายน้ำพริกเลี้ยงลูกไปด้วย จนกระทั่งพ่ออายุมากขึ้นและอยากเลิกขาย แต่คุณเอสรู้สึกเสียดายกิจการ เนื่องจากสูตรน้ำพริกของคุณพ่อนั้นอร่อยเสียจนมีลูกค้าเขียนจดหมายมาชม จึงลองเริ่มทำธุรกิจโดยการผลิตน้ำพริกส่งลูกค้าเจ้าเดิมของพ่อเอง

 

Sponsored Ad

 

    จนคุณพ่อต้องด่วนไปกะทันหัน ลูกจ้างที่รู้รสชาติคนเดียวก็ลาออก ทั้งครอบครัวไม่มีใครทันได้ซึมซับวิธีทำน้ำพริกจากคุณพ่อ ตอนนั้นเคว้งไปหมด แต่ทุกคนพอรู้รสชาติฝีมือน้ำพริกพ่อว่าเป็นอย่างไร จนพอตั้งสติได้ก็ค้นหาสูตรที่พ่อจดไว้ พยายามแกะพยายามชิม จนประสบความสำเร็จ

    คุณเอสเล่าว่า หลังจากนั้นก็ได้โอกาสดีจากเทศบาลให้เข้าร่วม OTOP มีสถานที่ให้ผลิต แต่เน้นเรื่องแพ็กเกจจิ้งของสินค้าที่สวยงาม ซึ่งน้ำพริกใส่ถุงของเราไม่ได้มาตรฐาน เลยมาทำแบบกระปุกติดฉลาก ทำแบบนี้หลายปี ไปติดต่อร้านค้าขอวางตามร้าน ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง สุดท้ายเขาก็ไม่ให้มาวางเพราะต้องให้ที่น้ำพริกเจ้าดังๆ

 

Sponsored Ad

 

    หลังจากนั้นก็กลับมาคิดว่า ถ้าเราใช้แพ็กเกจจิ้งเหมือนคนอื่นคงจะสู้ได้ยาก เลยปิ๊งไอเดียทำน้ำพริกถ้วยฉีกทานในมื้อเดียว เป็นถ้วยเล็กๆ พกพาสะดวก ราคาไม่แพง ก็ลงมือทำทันที

    คุณเอสเล่าต่อว่า พอได้แพ็กเกจจิ้งใหม่ก็มั่นใจมาก ร้านเดิมที่เคยปฏิเสธไม่ให้วางหน้าร้าน ไปที่ไหนก็อยากให้วาง แต่กลับผิดคาด ขายไม่ได้เลย ทางร้านบอกว่ามีคนหยิบเยอะแต่ไม่ซื้อกันเลย จนสินค้าหมดอายุ กลับมานั่งคิดว่าทำไมขายไม่ได้ แต่ไม่คิดล้มเลิก

 

Sponsored Ad

 

    เลยลองไปขายในห้าง ปรากฏว่าขายหมดเกลี้ยง ก็คิดได้ว่าสินค้าของเราเหมาะกับคนเมือง ยิ่งต่อมามีทีม 7-11 ติดต่อเข้ามา ยอดกระโดดเป็น 10 ล้านบาท จนเป็นรายได้ 120 ล้านต่อปี

    คุณเอสทิ้งท้ายไว้เป็นกำลังใจคนทำธุรกิจว่า "ผมเชื่อว่าการทำธุรกิจ มีสินค้าอะไรก็ดีอยู่แล้ว สำคัญที่สุดคือการต่อยอด พัฒนา เชื่อมั่นในสิ่งที่ทำ และอดทน"

ชมคลิป...

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

ที่มา : เศรษฐีป้ายแดงThairathTV

บทความที่คุณอาจสนใจ