"นักกีฬายกน้ำหนัก" ชาวยูกันดาวัย 20 ปี ไม่ยอมกลับ "บ้านเกิดที่แสนลำบาก" ทิ้งโน้ตขอใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในญี่ปุ่น
คอมเมนต์:
กลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลกกันเลยทีเดียว หลัง นักกีฬายกน้ำหนักตัวแทนทีมชาติยูกันดา ได้หายตัวไป หลังจากการแข่งขันรอบคัดเลือกกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น โดยไม่ยอมกลับบ้านเกิด..
Julius Ssekitoleko เป็นนักกีฬายกน้ำหนักทีมชาติยูกันดา วัย 20 ปี ที่ไม่ผ่านรอบคัดเลือกในการแข่งขันครั้งนี้ ทำให้เขามีกำหนดการ ที่จะต้องบินกลับประเทศบ้านเกิดในวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
Sponsored Ad
เมื่อถึงวันที่ต้องบินกลับบ้าน เขากลับไม่มาตามนัด และได้ทิ้งข้อความถึงผู้จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกว่าตัวเขานั้นตัดสินใจที่จะอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเพื่อหางานทำ เพราะชีวิตที่บ้านเกิดของเขานั้น ช่างยากลำบากเสียเหลือเกิน จึงขอชีวิตที่เหลืออยู่ในประเทศญี่ปุ่น
Sponsored Ad
นอกเหนือจากนี้ เขายังขอร้องให้ทีมงานส่งข้าวของส่วนตัวกลับไปให้ภรรยาที่ยูกันดาด้วย เรียกได้ว่าข่าวนี้โด่งดังไปทั้งญี่ปุ่น แอฟริกา และในที่สุดก็ดังไปทั่วโลก
สื่อท้องถิ่นของญี่ปุ่น ได้รายงานว่า วันที่ 16 กรกฎาคม ช่วง 6:30 น. เป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นเขา ซึ่งอยู่ในบริเวณสถานีรถไฟใกล้กับโรงแรมที่ทีมนักกีฬาเข้าพักในเมืองอิซุมิซะโนะ
Sponsored Ad
ด้านเจ้าหน้าที่ของทางการญี่ปุ่น ได้เผยอีกว่า เขาซื้อตั๋วรถไฟชิงกันเซนไปยังเมืองนาโกย่าที่อยู่ห่างออกไป 200 กิโลเมตร ซึ่งการหลบหนีของเขาครั้งนี้ อาจจะทำให้ชาวญี่ปุ่นหลายเมืองต้องพบกับความเลวร้ายได้ เพราะตัวเขายังไม่ได้ส่งผลยืนยันว่า ตนเองปลอดภัยจากสถานการณ์ในปัจจุบัน
Sponsored Ad
ประธานสหพันธ์ยกน้ำหนักยูกันดา Salim Musoke ได้ให้ข้อมูลว่า ตอนแรกที่ได้รับข้อความของ Julius ก็ได้แค่สงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับระบบความปลอดภัยของผู้จัดโอลิมปิก การที่นักกีฬาหายตัวไปไม่ใช่เรื่องดีกับประเทศ ซึ่งทำได้แค่ภาวนาว่าจะหาตัวเจอในเร็ววันนี้
แน่นอนว่า การเดินทางเข้าไปอยู่ในญี่ปุ่นช่วงนี้ ทางสหพันธ์ได้แจ้งข้อมูลไปแล้ว่า จำเป็นต้องเคารพระเบียบการเข้าเมืองของญี่ปุ่น และมีกฎไม่ออกจากที่พักโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งนักกีฬาทุกคนต้องปฎิบัติตามกฎบังคับทุกคน
Sponsored Ad
การหายตัวไปของนักกีฬาหนุ่มคนนี้ แม้เวลาจะผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เชี่ยวชาญก็ยังหาตัวไม่เจอ แต่ก็ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทั่วประเทศคอยจับตาดู หากเจอตัวที่ไหนก็สามารถกักตัวไว้ได้ทันที...
ที่มา : New York Times