"พ่อค้าหนุ่ม" พบเงินเกือบ 2 ล้าน ปลิวว่อนถนน จึงช่วยเก็บส่งตำรวจ สุดท้ายได้เงินก้อนโตเป็นการขอบคุณ

คอมเมนต์:

ทำดีได้ดีจริงๆ เป็นคุณเจอเงินขนาดนี้จะส่งคืนเจ้าของไหม?

    หากมีวันหนึ่ง ขณะคุณกำลังเดินอยู่แล้วเจอธนบัตรก้อนโตกว่า 1,574,000 บาท คุณจะทำอย่างไร? เก็บไว้ใช้เองหรือส่งตำรวจ….

    สื่อต่างประเทศเปิดเผยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในเกาะไต้หวัน ขณะที่ชายแซ่กัววัย 22 ปีชาวไต้หวันพ่อค้าขายพะโล้ในยามดึก เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังขี่รถขายของอยู่นั้น ก็พบธนบัตรปลิวว่อนเกลื่อนถนน เขาไม่รีรอรีบลงรถไปเก็บมันขึ้นมาทันที และก็มีชาวบ้านที่พบเห็นมาช่วยกันเก็บด้วย สุดท้ายนับแล้วสามารถเก็บได้เป็นเงิน 1,574,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 1,684,200 บาท) จึงรีบนำส่งสถานีตำรวจเพื่อตามหาเจ้าของเงินเหล่านี้ต่อไป

 

Sponsored Ad

 

    ในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็มีหญิงชราวัย 65 ปี ท่าทางร้อนใจมาก วิ่งเข้ามาที่สถานีตำรวจพร้อมกับถามไปว่า “มีคนเก็บเงินได้ 1 ถุงไหม?” ตำรวจจึงติดต่อไปยังสถานีตำรวจที่ชายแซ่กัวนำเงินไปให้นั้น หญิงชราก็รีบเดินทางไปยังสถานีตำรวจดังกล่าวทันที

 

Sponsored Ad

 

    ในตอนแรกหญิงชราคิดว่า เงินต้องขาดไปมากแน่ๆ เลย ก็เลยทำใจไม่คิดว่าจะได้คืนทั้งหมด แต่ที่ไหนได้ พอไปถึงสถานีตำรวจดังกล่าว ปรากฏว่าเงินที่ตกหล่นได้คืนทั้งหมด ไม่ขาดหายไปแม้แต่แดงเดียว ทำให้หญิงชราดีใจเป็นอย่างมาก

    สุดท้ายหญิงชราก็บอกว่า ไม่ทันระวังทำเงินถุงนั้นตกหล่นกลางทาง อาจเป็นเพราะว่าประตูท้ายรถปิดไม่สนิท ทำให้เวลาขับรถไปมันก็เลยเปิดออกทำให้ถุงเงินหล่นระหว่างทาง เงินเหล่านี้เป็นเงินของบริษัท จะเอาไปจ่ายเงินเดือนพนักงาน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ โชคดีจริงๆ ที่ได้นายกัวมาเห็นเข้า และเก็บมาคืนทั้งหมด

 

Sponsored Ad

 

    เพื่อเป็นการขอบคุณในการทำความดีและมีน้ำใจในครั้งนี้ของนายกัวที่นำเงินมาส่งให้อย่างปลอดภัย จึงอยากจะตอบแทนคุณงามความดีครั้งนี้ด้วยการให้ซองมูลค่า 157,000 ดอลลาร์ไต้หวัน (ประมาณ 158,000 บาท) เพื่อเป็นการขอบคุณ แต่นายกัวคิดว่า ให้เป็นเงินถ้วนดีกว่า จึงรับเงินไปเพียงแค่ 1 แสนบาทเท่านั้น 

 

Sponsored Ad

 

    เมื่อเรื่องราวของนายกัวถูกเผยแพร่ออกไปต่างก็พากันชื่นชมการกระทำความดีและความพยายามช่วยเหลือเก็บเงินจำนวนนี้เป็นอย่างมากในครั้งนี้ เพราะเมื่อเจอการทดลองแบบนี้ น้อยคนนักที่จะซื่อสัตย์ และส่งคืนเงินทั้งหมด แต่นายกัวกลับทำได้ เยี่ยมจริงๆ

ที่มา : 17goforward, ETtoday news | เรียบเรียงโดย หมื่นพันเหตุผล

บทความที่คุณอาจสนใจ