เจ้าของร้านใจบุญ โพสต์ตามหา "หัวขโมย" ไม่โกรธที่พังร้าน แต่อยากให้กลับมาทำงาน

คอมเมนต์:

"ไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นขโมย ดังนั้นผมจะมอบชีวิตใหม่ให้เขา.." #เจ้าของร้าน

    ในยุคสมัยที่หลายคนต้องตกงานและไม่มีเงิน ในเมื่อหางานทำไม่ได้ หลายคนหน้ามืดตามัวลงมือขโมยของตามร้านอาหาร เพื่อให้ตนเองและครอบครัวอยู่รอด และแน่นอนว่า.. นั่นเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย

    เรื่องราวในวันนี้ เกิดขึ้นหลังจากพนักงานของร้านอาหารแห่งหนึ่ง ในรัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้กลับมาทำงานในช่วงเช้า แต่ก็ต้องตกใจกับเศษกระจกที่กระจายอยู่เต็มหน้าร้าน... นั่นหมายความว่ามีใครบางคนได้แอบพังประตูร้านเข้าไปด้านใน พนักงานได้แจ้งไปที่เจ้าของร้านและรีบไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก็พบว่า ช่วงตี 4 มีชายปริศนาได้พังกระจกหน้าร้านเข้ารื้อค้นและหยิบของบางอย่างออกไป

 

Sponsored Ad

 

    เจ้าของร้านได้เองที่รู้เรื่องก็ได้บอกว่า “ตอนที่รู้ข่าวผมโกรธมาก แต่ช่วงนี้เป็นเทศกาลอีสเตอร์ ผมเลยพยายามสงบสติอารมณ์ เปลี่ยนความโกรธเป็นการให้อภัยแทน และคิดกลับกันว่า มันคงเป็นเรื่องที่ไม่ไหวแล้วจริง ๆ ที่ใครสักคนจะผันตัวไปขโมยของคนอื่น”

 

Sponsored Ad

 

    ในความโชคร้ายของร้านอาหาร ก็ยังมีความโชคดีอยู่เช่นกัน เพราะของที่ถูกขโมยไปนั้นเป็นลิ้นชักที่ไม่มีเงินสักบาท เจ้าของร้านไม่ได้เก็บเงินไว้ในนั้น นั่นจึงทำให้หัวขโมยไม่ได้อะไรเลย นอกจากการเสียเวลาพังร้านเข้าไป

    เจ้าของร้านได้บอกว่า “คนเป็นขโมยมาก่อนก็เป็นขโมยเหมือนเดิม ออกมาจากคุก หางานทำไม่ได้ เพราะมีคดีติดตัว ไม่มีใครกล้าไว้ใจ ก็ทำตัวเหมือนเดิม และกลับเข้าคุกไป ดังนั้นเทศกาลแห่งความสุขเช่นนี้ ผมตัดสินใจที่จะเสนอชีวิตใหม่ให้กับเขา..”

 

Sponsored Ad

 

    เจ้าของร้าน ได้โพสต์เฟซบุ๊ก โดยระบุข้อความถึงหัวขโมยให้กลับมาติดต่อเขาผ่านเบอร์ส่วนตัว โดยที่จะไม่แจ้งตำรวจ และไม่มีถามถึงเหตุผลที่ต้องมาขโมยของ เพียงแค่ต้องการคุยกันว่าจะช่วยเหลือเรื่องนี้ยังไงดี แค่นั้นเอง... ในเมื่อเจ้าของร้านตัดสินใจทำแบบนี้ พนักงานเองก็ยินดีจะช่วยเหลือด้วยเช่นกัน

    หลังจากโพสต์ออกไป ก็มีลูกค้าที่อยู่ในระแวกนั้น รวมทั้งชาวเน็ตเองเข้ามาชื่นชมกันอย่างมากมาย ถึงการตัดสินใจที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมของเขา และชื่นชมเจ้าของร้านที่ได้มอบโอกาสให้กับคน ได้กลับตัวกลับใจ ในแบบที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน... แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครติดต่อเจ้าของร้านไป หรือหัวขโมยคนนี้อาจจะเห็นโพสต์แล้วรู้ละอายใจ ในสิ่งที่ทำลงไปจนไม่กล้าสู้หน้าก็เป็นได้

ที่มา : boredpanda

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ