"แตงโม" เคลียร์ใจคุณแม่ หลังไม่ลงรอย 10 ปี ถึงขั้นย้ายบ้านหนี เพิ่งมาคิดได้ ในวันที่ป่วยในวอร์ดจิตเวช

คอมเมนต์:

เรารู้สึกว่าแม่รักเรานะ แต่ตอนเด็กเรารู้สึกว่าเราคุยกับแม่ไม่รู้เรื่อง เราเลยหนีแม่ไปเลย -แตงโม นิดา-

    นักแสดงสาว "แตงโม นิดา" ถึงวันที่ควงคุณแม่ "ภนิดา" มาเปิดใจ หลังจากไม่ลงรอยกันมานับ 10 ปี ย้อนเล่าชีวิตในวัยเด็ก พ่อ แม่ แยกทางกัน สาวแตงโมจึงตัดสินใจหนีออกจากบ้าน ก่อนเปลี่ยนเบอร์โทรหนีคุณแม่ ด้านแม่เผยพ่อเองแหละ ที่เป็นคนพาลูกสาวหนีออกจากบ้าน

    โดยสาว แตงโม เล่าว่าคุณพ่อ-คุณแม่แยกทางกันตั้งแต่ 3 ขวบ ตอนที่อยู่กับคุณพ่อ อย่างที่หลาย ๆ คนเห็น คุณพ่อเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง คุณพ่อพยายามเติมเต็มให้เรา เพราะว่าเราไม่ได้อยู่กับคุณแม่ แต่บางเรื่องที่เป็นเรื่องผู้หญิง เช่น เรื่องของประจำเดือน คุณพ่อก็ยังยกให้เป็นหน้าที่ของคุณแม่อยู่ในเรื่องของการปรึกษาอะไรพวกนี้

 

Sponsored Ad

 

     ตอนเด็กเราอยู่กับพ่อจริง แต่เรายังคุยกับคุณแม่ตลอด เขาจะตกลงกัน เสาร์-อาทิตย์ ไปอยู่กับคุณแม่ ปิดเทอมไปอยู่กับคุณแม่ วันธรรมดาก็จะอยู่กับคุณพ่อ แล้วก็มีช่วงหนึ่งที่ได้ขาดการติดต่อกับคุณแม่ไป เนื่องจากคุณแม่มีครอบครัวใหม่ด้วย ซึ่งเราเองก็อยากให้เกียรติด้วย ที่จะไม่เอ่ยถึงเขา เพราะว่าเขาเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว

 

    ซึ่งก่อนหน้านี้เราก็รับรู้ว่าแม่กับพ่อพยายามคืนดีกัน แต่ว่าไปไม่รอด ตอนนั้นพ่อต้องเลิกสูบบุหรี่ คุณพ่อทำไม่ได้ เพราะว่าโม เป็นโรคภูมิแพ้ แต่คุณพ่อทำไม่ได้ ให้ทำเพื่อลูกนะ ไม่ได้ทำเพื่อเรา เขาทำไม่ได้แล้วเขาไม่ทำ ก็จบ ชีวิตเขาก็คงอยู่กับบุหรี่

 

Sponsored Ad

 

     โดยสาว แตงโม เผยว่า คุณแม่จะเป็นคนที่เจ้าระเบียบมาก คือเป็นสาวไทยที่หัวโบราณ อยู่กับคุณแม่ คุณแม่จะบอกว่าห้ามเคี้ยวเสียงดัง ห้ามนั่งกระดิกขา เวลาไปที่ไหนห้ามจับบันไดเลื่อน คือทะนุถนอมเหมือนลูกสาวในฝัน 

    โตมาอยากให้ลูกไปเรียนเปียโนบ้าง เรียนอะไรที่เป็นผู้หญิง เราก็ไปลองทำทุกอย่างที่คุณแม่อยากให้ทำ แต่ด้วยความที่เราเองไม่ได้ใจรักขนาดนั้น โมเป็นผู้หญิงแมนๆ ก็เลยไม่สำเร็จสักอย่าง

 

Sponsored Ad

 

     ความจริงเราก็ได้อะไรจากคุณแม่เยอะมาก ทั้งนิสัยเจ้าระเบียบ รักสวยรักงาม ได้ความโรแมนติก ได้สมองฝั่งศิลปะ จำได้ว่าตอนเด็กๆ เวลาไปอยู่กับคุณแม่ จำได้ว่าตอนนั้นคุณแม่เรียนแฟชั่นดีไซน์ แล้วก็มีแบบชุดหนูก็ระบายสีเล่น เวลาไปอยู่กับคุณแม่ก็แอบเอาลิปสติกคุณแม่มาทา แต่งหน้า เมื่อก่อนคุณแม่เป็นนักแสดงอยู่ค่ายรัชฟิล์ม ซึ่งฝีมือการแสดงเราก็ได้ตรงนี้มาจากคุณแม่

     ส่วนตอนเด็กๆที่ย้ายบ้านหนีแม่ เพราะคุณแม่มีครอบครัวใหม่ ตัวโมเองก็ทำงานค่อนข้างเยอะมากๆ เพราะฉะนั้นโอเค เราต่างคนต่างอยู่ดีกว่า คือเราคิดเอง เราไปดีกว่า โดยที่ไม่ได้บอกอะไรคุณแม่เลย ตอนนั้นเป็นช่วงที่ตัวโมเองยังเป็นวัยรุ่น ที่ยังคิดไม่ได้ รู้สึกว่าคุยกันทีไรไม่ค่อยรู้เรื่อง ทัศนคติไม่ค่อยลงรอยกันก็เลยหนีดีกว่า

 

Sponsored Ad

 

 

    ด้านคุณแม่ภนิดา แม่ของสาวแตงโมก็ได้เผยว่า เธอได้ออกไปตามหาลูกทั้งที่ช่อง 7 ตามคอนโดต่างๆ ที่อยู่ในซอกซอย บางที่ไม่ได้เจอตัว แต่เจอข้าวของของลูก แค่นั้นแม่ก็สบายใจว่าเขาอยู่ตรงนี้นะ 

    ส่วนสาเหตุที่รู้ว่าต้องไปตามลูกที่ช่อง เราก็ต้องใช้สมองคิด ช่วงนี้ลูกหายไปได้บ้าง เบอร์โทรศัพท์ไม่มีแล้ว จะไปหาลูกที่ไหน คือขอให้มีการติดต่อได้เท่านั้น ก็ไปได้เบอร์จากเจ้าหน้าที่ในนั้น ก็แค่นั้นโทร าเขาแล้วคุยกัน แล้วคุณพ่อเขาก็โกรธบอกว่าออกมาจากที่นั่นเดี๋ยวนี้ มาทำไม ก็บอกเขาว่าฉันมาตามลูก

 

Sponsored Ad

 

    ทั้งนี้คุณแม่เปิดใจว่าที่แตงโมหนีไปนั้น เพราะคุณพ่อพาหนี ด้านสาวโมก็เผยว่าเพราะเป็นเรื่องในครอบครัว เราเลยเป็นปมตั้งแต่เด็กๆ ด้วยความที่คุณแม่มีพี่ชายมาก่อน แต่คนละคุณพ่อกัน เราจะคิดว่าคุณแม่รักพี่ชายมากกว่า เพราะว่าเขาเป็นลูกคนแรกและเป็นลูกชาย 

 

Sponsored Ad

 

    เรามีความรู้สึกว่าทำไมคนสองคนมีลูก แต่ทำไมไม่ยอมดีกันเพื่อลูก เรามีความรู้สึกว่าทำไมผู้ใหญ่สองคนนี้เขาไม่ได้รักเราจริงเหรอ ถ้าเขารักเราจริง เขาต้องทนอยู่กันได้เพื่อลูก อันนี้คือความคิดของตอนที่เป็นเด็ก แต่พอเราโตขึ้นมากพอที่จะรู้ความแล้ว เริ่มมีแฟน ได้ประสบการณ์ความรักของตัวเอง และจากการที่เรามีลูกเอง เราจะเข้าใจแม่มากขึ้นเรื่อยๆ

     ตอนเด็กๆ ก็เหมือนเป็นปมในใจไหมว่าพ่อแม่เรา ไม่เหมือนพ่อแม่บ้านอื่น สมัยนั้นเขายังใช้คำว่าเด็กมีปัญหาถ้าพ่อกับแม่เลิกกัน ในสมัยนั้นโมฝังใจกับคำนี้มาก แล้วโมก็อยากให้คุณพ่อกับคุณแม่มาดีกันให้ได้ ในตอนเด็กพอโตมาเราได้เป็นแม่เอง เราเคยมีความรัก โมรู้สึกว่าโมโชคดีนะที่คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ดีกัน เพราะเรามีความรู้สึกว่าต่อให้ดีกันแล้วมาทะเลาะต่อหน้าเรา โมว่าไม่คุ้ม มันจะเป็นภาพติดตาเราตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นให้แยกกันอยู่ แล้วเจอกันด้วยความคิดถึงดีกว่า ตอนที่เราเริ่มคิดได้น่าจะอายุประมาณ 16 คือไม่ต้องการให้คุณพ่อ คุณแม่มาดีกันแล้ว 

Sponsored Ad

    หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกับคุณแม่เลย ก่อนปลดล็อกอีกทีก็ตอนที่ป่วย ตอนนั้นโมไม่สบายมาก ๆ คือโมเป็นซึมเศร้า โมเจ็บหนักมาก และเสียใจมาก ไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง โมก็เลยไปโรงพยาบาล อยู่ในวอร์ดจิตเวชประมาณ 7 วัน 

     ห้ามคนไข้คุยกัน แล้วมีความรู้สึกว่าตอนนั้นไม่รู้นึกอะไร อยากโทรหาคุณแม่ อยากบอกคุณแม่ว่าเราไม่สบายนะ เพราะว่าคุณพ่อก็มาเยี่ยมทุกวันอยู่แล้ว แต่ว่าแม่ยังไม่รู้เลยว่าลูกตัวเองเป็นอะไร เพราะฉะนั้นขอคุณพี่พยาบาลว่าขอโทร. หาคุณแม่หน่อย โมจะบอกไว้เลยว่าใครบ้างที่โมจะให้เข้าเยี่ยม แล้วใครบ้างที่โมจะรับสายหรือโทร. ออก โมก็โทร. หาคุณแม่ บอกคุณแม่ว่าน้องไม่สบาย

    เราได้คุยกัน แล้วคุณแม่ก็เล่าบางเรื่องที่เราไม่เคยรู้ในสมัยเด็ก แล้วเรารู้สึกว่าแม่รักเรานะไม่ใช่ไม่รัก แล้วก็เป็นห่วงเรามากๆ โมรู้สึกว่าเหตุการณ์นั้นในความป่วยของเรา ในวิกฤตของเรา โมรู้สึกว่าพระเจ้าต้องทดสอบอะไรเราอยู่ ให้บททดสอบที่ค่อนข้างจะหนักมาก ๆ แต่โมรู้สึกว่าจุดประสงค์ของพระเจ้าต้องการให้เราได้อะไรจากตรงนั้น  โมเลยรู้สึกว่าจากเหตุการณ์แย่ๆ ในวันนั้น โมได้แม่คืนมาทั้งคน โมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่คุ้มมาก วันนั้นเป็นวันปลดล็อกเราเลย


ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

ที่มา : คุยแซ่บShow, melonp.official

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ