"แม่น้องกัปตัน" เปิดใจ ขายสมบัติเกือบ 2 ล้าน ซื้ออุปกรณ์ให้ลูกใช้ "แข่งโอลิมปิก" สมาคมไม่ช่วยแล้วยังขอเปลี่ยนตัวลงแข่ง

คอมเมนต์:

เป็นตัวแทนประเทศ ที่ไม่ได้รับการสนับสนุน แม่เปิดใจ "ควักเงินตัวเอง" เพื่อให้ลูกซ้อมไปแข่งโอลิมปิก !

    หนึ่งในประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ สำหรับ นักยิงปืนทีมชาติไทยที่อายุน้อยที่สุด ที่ต้องขายสมบัติของที่บ้านเพื่อซื้ออุปกรณ์มาซ้อมด้วยตัวเอง แถมเคยโดนผู้ใหญ่ขอเปลี่ยนตัวก่อนลงแข่งโอลิมปิก

    กัปตัน หรือ นายอิสรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร์ นักยิงปืนทีมชาติไทย วัย 17 ปี ลงแข่งขันโอลิมปิก 2020 เป็นคนสุดท้าย ซึ่งผลการแข่งขันติดอันดับที่ 20 แต่ไม่สามารถเข้าสู่รอบชิงเหรียญได้

 

Sponsored Ad

 

    เมื่อวาน น้องกัปตัน ได้ออกมาเปิดใจว่า ตนเองรู้สึกพอใจกับผลการแข่งแล้ว แม้จะไม่ได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เนื่องจากไม่คุ้นชินกับสภาพสนาม แถมก่อนหน้าจะลงแข่ง ยังมีผู้ใหญ่ขอให้เปลี่ยนตัว ซึ่งตนนั้นไม่ยอม เพราะกว่าจะได้มาโอลิมปิก ต้องควักเงินของตัวเองในการฝึกซ้อม

 

Sponsored Ad

 

    คุณแม่ของน้องกัปตัน ได้ออกมาเผยว่า ครอบครัวสู้เต็มที่มาก เพื่อให้ลูกได้เดินตามความฝันไปแข่งโอลิมปิก แต่หลังจากที่ลูกได้โควตาให้เป็นตัวแทนประเทศก็ไม่เคยได้รับการสนับสนุนอะไรจากสมาคมเลย แม้กระทั่ง อุปกรณ์ที่ใช้ซ้อม ค่าใช้จ่ายต่างๆ ต้องออกเอง และเสียใจที่สุด คือ ผู้ใหญ่มาขอเปลี่ยนตัวลงแข่ง ซึ่งรับไม่ได้จริง ๆ 

    คุณแม่บอกว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ต้องจ่ายอุปกรณ์ซ้อมวันละ 3,000 บาท ซึ่งตอนนี้ใช้เงินไปแล้วกว่า 1.7 ล้านบาท เคยสอบถามไปยังการกีฬาแห่งประเทศไทยถึงเรื่องอุปกรณ์การแข่งขัน ซึ่งได้รับคำตอบมาว่า ได้จัดส่งไปให้ทางสมาคมแล้ว และสมาคมก็ไม่ยอมจัดส่งต่อ แถมนักกีฬาคนอื่นก็ไม่มีใครได้อุปกรณ์ด้วย

 

Sponsored Ad

 

    “นี่คือโอลิมปิกขอทานหรือเปล่า เพราะขออุปกรณ์ครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อไม่ได้ของมาหรือขอไม่ได้ ก็ต้องดื้นรนสู้ด้วยตัวเอง ทุกวันนี้ก็ยังสู้อยู่ ยอมขายรถ 4 คัน ขายบ้าน 2 หลัง เพื่อให้ลูกชายได้มีอุปกรณ์มาฝึกซ้อมและโค้ชดีๆ มาแนะนำ” คำพูดของคุณแม่

 

Sponsored Ad

 

    นอกจากนี้แล้ว เธอยังได้พูดถึงเรื่องที่ผู้ใหญ่พยายามเปลี่ยนตัวนักกีฬา คนอื่นอาจจะยอม แต่เธอนั้นไม่ยอม เพราะทุกอย่างเธอลงทุนไปเยอะมาก ต้องทำเรื่องขอเป็นโค้ชผู้ดูแลนักกีฬาเอง ระหว่างซ้อมก็ต้องไปจ้างโค้ชชาวเยอรมนีมาสอนชั่วโมงเป็นหมื่น เพราะสมาคมไม่มีโค้ชให้ 

    เท่านั้นยังไม่พอ เธอต้องวิ่งเต้นและร้องเรียนไปที่การกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อจะได้เดินทางมาดูแลลูกตอนที่แข่งโอลิมปิกในต่างประเทศ “เราเองก็ไม่เคยได้รับการสนับสนุนตรงนี้เลย เมื่อไม่ดูแลกันก็ไม่เป็นไร เราจะขอสู้เอง ขอแค่ไม่ปิดโอกาสนักกีฬากันก็พอ” แน่นอนว่านี่เป็นการสัมภาษณ์คุณแม่และน้องกัปตันเพียงฝ่ายเดียว หากมีการอัปเดตจากสมาคมเมื่อไหร่เราจะมาแจ้งให้ทราบค่ะ

ย้อนชมคลิปสัมภาษณ์

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

.

โพสต์ต้นฉบับ

ที่มา : dailynews, Plan B Eleven

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ