ทนายมองต่างมุมคดี "บาส มีดคู่" ทนายอนันต์ชัยชี้ป้องกันตัวไม่ผิด ทนายเดชาโต้ผิดถูกแล้วแต่ศาล

คอมเมนต์:

เพื่อน ๆ ติดตามคดี #บาสมีดคู่ แล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้างคะ คิดว่าคดีนี้จะ #พลิก หรือ #ไม่พลิก

        เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่นักกฎหมายต่างออกมาแสดงความเห็นต่างกันเป็นจำนวนมากสำหรับกรณีของ "บาส มีดคู่"

        ซึ่งล่าสุด "หนุ่ม กรรชัย" ได้สัมภาษณ์ บาส มีคู่ มาพร้อม ก้อย แฟนสาว, คุณแม่ รวมทั้งทนายอนันต์ชัย ไชยเดช, หมอเกศกมล เปลี่ยนสมัย หมอที่ดูแลรักษาบาส ในรายการ โหนกระแส

 

Sponsored Ad

 

        อ่านข่าว : "บาส มีดคู่" เปิดใจต่อหน้า "หนุ่ม กรรชัย" สาบานไม่ได้แทงซ้ำ ยืนยันอีกฝ่ายให้ข้อมูลไม่จริง

 

Sponsored Ad

 

        เกี่ยวกับแนวทางเรื่องกฎหมาย คดีนี้มีหลายมุมมอง โดย "ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช" ได้เล่าว่า ตอนที่ตนเห็นคลิปน้องบาสออกจากบ้านก็ไม่ได้สนใจ แต่พอวันรุ่งขึ้น ตนเห็นอีกคลิปก็นึกถึงคดีของ "นายสมเกียรติ ศรีจันทร์" ที่ตนเป็นทั้งพยาน, ผู้เห็นเหตุการณ์ และทนายความ ตนก็เลยโพสต์ไปว่าเอาใจช่วย ปรากฏว่าสำนักข่าวต่าง ๆ ก็มาสัมภาษณ์ตนเยอะ 

        ต่อมาทางเจ้าของโรงพยาบาลบางนา 5 ซึ่งตนเป็นที่ปรึกษากฎหมายอยู่ ท่านเห็นคลิปและเห็นตนสัมภาษณ์ก็บอกว่า ชอบในความใจเด็ดของน้องบาส ถ้าเป็นท่านก็คงทำแบบนั้น เหมือนพระเอกสู้กับเหล่าร้าย อยากให้เงินน้องใช้ส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับคดีความ ก็ให้ตนเป็นธุระจัดหา ตนเลยโทรหาคุณหนุ่มขอเบอร์หมอปลา แล้วสุดท้ายก็ได้เจอน้อง และเอาเงินมาให้น้อง

 

Sponsored Ad

 

        ทั้งนี้ หนุ่ม กรรชัย ก็ได้เผยว่า ทนายอนันต์ชัยตอนนี้ไม่ได้เป็นทนายให้ทางบาส แต่เป็นที่ปรึกษาให้ทนายบาสอีกที ซึ่งจริง ๆ ตนรู้จักทนายอนันต์ชัยมานานแต่ไม่ค่อยเห็นช่วยคดีไหน ทางทนายอนันต์ชัยก็ได้เผยว่า ทีแรกคดีที่ตนโพสต์ตนไม่รู้หรอกว่าหมอปลากับทนายไพศาลมาช่วย แต่หลังจากนั้นตนเห็นรายการโหนกระแสนี่แหละ พอรู้ว่าทนายไพศาลกับหมอปลาช่วยแล้ว ตนเลยไม่ยุ่ง ปรากฏว่าถ้าไม่มีท่านประเสริฐให้เอาเงินไปให้เขาตนจะไม่มายุ่งเลย ไม่เกี่ยวข้อง ไม่วิจารณ์คดีของใคร ตนไม่ทำเด็ดขาด

 

Sponsored Ad

 

        และเมื่อถามว่าคดีนี้มีโอกาสพลิกไหม ทางด้านทนายอนันต์ชัยก็ได้เผยว่า "อยากกราบเรียนพวกโลกสวยทั้งหลาย และนักกฎหมาย กฎหมายเรื่องการป้องกัน เขาไม่ได้ให้คนดีหนีคนร้ายนะ และไม่ให้คนไปละเมิดสิทธิ์คนอื่น นักกฎหมายทุกคนต้องคำนึงถึงจุดนี้ แต่เรื่องน้องบาส เป็นเรื่องที่เขาถูกละเมิด เขาป้องกันตัวเอง การที่เอามีดออกไป ผมดูแล้วเป็นการแค่ข่มขู่เพื่อป้องกันตัว ผมถามว่าถ้าวันนั้นน้องบาสไม่เอามีดออกไป อะไรจะเกิดขึ้น ประวัติบุคคลเหล่านั้นแต่ละคนก็ไม่ธรรมดา ไม่อยากพูดว่าโชกโชนหรือไม่ แต่ก็สืบมาหมดแล้วว่าเป็นยังไง" 

 

Sponsored Ad

 

        "การที่น้องบาสเอามีดออกไปป้องกันตัวเอง แต่เกิดเหตุการณ์ขึ้น เป็นการป้องกันไม่ให้ตัวเองและแฟนถูกกระทำ การตัดสินใจของคน ๆ นึง 1 ต่อ 7 ไม่เคยปรากฏ เขาต้องตัดสินใจอยู่นานนะ ถึงจะออกมา ถ้าเป็นเราคงไม่กล้าออก อย่างนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ ถูกรุม ผมมีมือถือในมือ ผมยังลืมเลยว่าถ่ายยังไง ขนาดเราเห็นเหตุการณ์ แล้วตัวเขาเองล่ะ" ทนายอนันต์ชัย กล่าว

 

Sponsored Ad

 

        ทั้งนี้ หนุ่ม กรรชัย ก็ยังได้ถามอีกครั้งว่าในมุมของพี่อนันต์ชัย เรื่องนี้มีสิทธิ์พลิกไหม ทางด้านทนายอนันต์ชัยก็ได้บอกว่า "อย่างที่บอกกฎหมายการป้องกันเขาไม่ให้คนดีหนีคนร้าย และไม่ให้ไปละเมิดสิทธิ์คนอื่น เมื่อคนดีถูกกระทำก็ป้องกันได้ อยากบอกทนายความทั้งหลาย ไม่ควรวิพากษ์วิจารณ์ ควรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม"

        ทั้งนี้ หนุ่ม กรรชัย ก็ได้ต่อสายถึง "ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์" ว่าพี่มองต่างมุมไหม ทางด้านทนายเดชาก็ได้กล่าวว่า "ผมมองตามหลักกฎหมายและแนวคำตัดสินของศาลฎีกา หมายถึงว่าการให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส ตั้งแต่คราวที่แล้วผมก็ให้ความรู้ทางกฎหมายว่าคดีลักษณะแบบนี้มันเคยมีแนวตัดสินของศาลฎีกาว่าอย่างไร ผมไม่เคยบอกว่านายบาสจะเป็นการป้องกันตัว หรือสมัครใจวิวาท หรือบันดาลโทสะ ก็ขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง พยานหลักฐานในสำนวนตำรวจ ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานตำรวจมีอะไรบ้าง ผมเชื่อว่าเขาไม่ให้ดูหรอกครับ เป็นความลับครับ"

Sponsored Ad

        หนุ่ม กรรชัย ก็ได้ถามต่ออีกว่า ทนายเดชามองยังไง บาสมีสิทธิ์หลุดไหมหรือคิดว่ายังไง ทางด้านทนายเดชาก็ได้กล่าวว่า "นายบาสจะรอดคดีหรือไม่ ศาลเป็นคนตัดสินนะครับ ไม่ใช่ทนายสองฝ่ายมาตัดสิน อันนี้ข้อแรกก่อน และไม่ใช่ศาลโซเชียลที่ออกตัดสินได้ทุกวัน ๆ ต้องมีการฟ้องคดี มีการสั่งคดี สืบพยานฝั่งจำเลยถึงจะตัดสินว่าใครผิดใครถูก แต่แนวคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีลักษณะแบบนี้ คำพิพากษาฎีกา 1271/55 กรณีที่เราอยู่บ้าน แล้วมีคนมาหาเรื่องเราหน้าบ้าน ฎีกา 10271 และ 18586/55"

        "เขาบอกว่าถ้ามีคนมาหาเรื่องเราหน้าบ้าน แล้วเราออกนอกบ้านถืออาวุธออกไป ถือว่าเป็นการสมัครใจทะเลาะวิวาท ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลงมือก่อน ก็ไม่ใช่สาระสำคัญที่ต้องพิจารณา อันนี้คือแนวคำตัดสินศาลฎีกาที่ผ่านมา ส่วนคดีนายบาสจะสอดคล้องกับคำพิพากษาดังกล่าวหรือไม่ ผมว่าไม่มีใครฟันธงได้ต้องรอให้มีการสืบพยานในชั้นศาลก่อน ศาลเท่านั้นเป็นคนตัดสิน ไม่ใช่ทนายทั้งสองฝ่าย" ทนายเดชา กล่าว

        หนุ่ม กรรชัย ถามอีกว่า การที่บาสวิ่งถือมีดออกไปถือว่ากระทำได้ไหม มีนักกฎหมายหลายท่านมองว่า เขามีเหตุเลยต้องถือออกไป ทางทนายเดชาก็ได้กล่าวต่อว่า "ความเห็นทางกฎหมายไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เหมือนกันก็ไม่ต้องมีโจทก์ ไม่ต้องมีจำเลย ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ความเห็นทางกฎหมายไม่จำเป็นต้องผูกขาด แต่ละคนล้วนมีพื้นฐานความรู้ มีประสบการณ์ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ถ้าถามผม ต้องอธิบายให้ได้ว่าออกไปนอกบ้าน เป็นการป้องกันอย่างไร เพราะแนวคำตัดสินศาลฎีกาบอกว่าไม่มีกฎหมายให้อำนาจจำเลยออกไปข้างนอก ถืออาวุธและไปทำผู้อื่น ถ้าจำเลยไม่สมัครใจวิวาท ก็จะไม่ออกไปข้างนอก ไม่มีกฎหมายให้อำนาจ ส่วนนายบาสจะผิดหรือถูกต้องไปอธิบายกับศาลเอง แนวคำตัดสินศาลฎีกา แทงคนเสียชีวิต 2-3 ศพถือว่าร้ายแรง ส่วนคดีนายบาสจะผิดหรือถูกเป็นหน้าที่ของศาล ไม่ใช่หน้าที่ของผมครับ"

        หนุ่ม กรรชัย ได้หันไปถามทาง ทนายอนันต์ชัย ว่ามองอย่างไร ทางทนายอนันต์ชัยก็เผยว่า "คือเราจะเอาคำพิพากษาฎีกามาเปรียบเทียบคดีบาส ความเห็นผม คิดว่ายังไม่ได้ เพราะคนเข้ามามีจำนวนมาก ไม่ต้องคุยเรื่องอื่นเลย คุยเรื่องนายสมเกียรติ ศรีจันทร์ เขานั่งอยู่หน้าบ้าน มีดอยู่ในบ้าน อยู่ ๆ มีวัยรุ่น 4 คนเข้ามา นายสมเกียรติไปหยิบมีด 2 ครั้ง ครั้งแรกพอเจรจาคุยได้ก็ไปเก็บ ครั้งที่ 2 เอามีดมาและฟันกันขึ้น เกิดโศกนาฎกรรมอย่างที่เห็น เรื่องนี้มีการต่อสู้ว่านายสมเกียรติทะเลาะวิวาท แต่ศาลวินิจฉัยชัดเจนว่านายสมเกียรติป้องกันส่วนได้เสีย ป้องกันสิทธิ์ของตนเอง"

        "อย่างที่บอกหลักประมวลกฎหมายอาญาป้องกัน เขาไม่ให้คนร้ายทำร้ายคนดี และไม่ให้ไปละเมิดสิทธิ์คนอื่น ฉะนั้นคำตัดสินแต่ละเรื่องราว จะเอามาเปรียบเทียบเปรียบเปรยทุกอย่างไม่ได้ แต่กรณีนี้เขามี 7 คน เขาคนเดียว ผมถามว่าใครจะคิดได้ว่าในอนาคตจะเป็นยังไง ที่สำคัญวันนี้ไม่เกิด วันหน้าอาจจะเกิด คำพิพากษาฎีกาได้เฉพาะบางเรื่องบางราว ถ้ากฎหมายมุ่งแต่คำพิพากษาฎีกาไม่เอาข้อเท็จจริงไปปรับแก้ไขในประมวลกฎหมาย ก็เปล่าประโยชน์ เราอย่าเดินตามรอยคำฎีกา เราต้องเดินตามข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายมานำสืบกัน ฎีกาเป็นเพียงแนวเท่านั้นที่เรายึดเอาไว้ แต่ข้อเท็จจริงแต่ละคดีแตกต่างกัน ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบหรือฟันธงได้ว่าผิดหรือไม่ผิด" ทนายอนันต์ชัย กล่าว

        ซึ่งหลังจากที่คลิปสัมภาษณ์ดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ออกไปก็มีชาวเน็ตเข้าไปแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าวกันเป็นจำนวนมาก 

ความคิดเห็นจากชาวเน็ต

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<<

ที่มา : รายการ โหนกระแส

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ