กลายเป็นประเด็นที่มาแรงในโลกออนไลน์ หลังชาวเน็ตกัมพูชา ร้องทางการให้ตรวจสอบวัดไทย หลังสร้างปราสาทหินเลียนแบบนครวัด ศาสนสถานโบราณที่ใหญ่ที่สุดในโลก 

    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา กระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชา ได้ประสานมายังสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ขอให้มีการตรวจสอบกรณีการก่อสร้างปราสาทหินใน จ.บุรีรัมย์ เนื่องจากมีลักษณะคล้ายคลึงกับนครวัด

    เว็บไซต์ RFA สื่อกัมพูชา ได้ออกมารายงานว่า ปราสาทหินที่กำลังสร้างในเมืองไทยนี้ เป็นของวัดภูม่านฟ้า อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเริ่มก่อสร้างเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่าน ซึ่งคนกัมพูชาได้ตั้งข้อสงสัยว่า ปราสาทหินดังกล่าว “จงใจลอกเลียนแบบนครวัดหรือไม่”

    และเมื่อวานนี้ ข่าวช่องวันได้รายงานว่า  ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ชี้แจงว่า การตรวจสอบข้อมูลพบว่าวัดภูม่านฟ้า ได้รับการอนุญาตให้ตั้งวัดในพระพุทธศาสนา ตั้งแต่ ตุลาคม 2562 ซึ่งเป็นการก่อสร้างเป็นพุทธสถาน สร้างแบบในเชิงท่องเที่ยว

    ขณะที่ พระสมศักดิ์ สังวรจิตโต รักษาการแทนเจ้าอาวาส ยืนยันว่าไม่ได้สร้างเลียนแบบหรือนำศิลปะของนครวัดมาก่อสร้างแต่อย่างใด มีเพียงแค่เจดีย์ 3 องค์ ที่ลักษณะคล้ายกันเท่านั้น พื้นที่ที่จะสร้างเจดีย์ 3 องค์ ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

    ในส่วนของลายศิลปะ มีทั้งของไทยและของขอมปะปนด้วย ซึ่งพระเองเป็นคนออกแบบเอง แต่หากหน่วยงานไหนจะเข้าไปตรวจสอบก็พร้อมจะอำนวยความสะดวก เพื่อให้กรณีดราม่าระหว่างประเทศจบลง

    ในเวลาต่อมา กระทรวงวัฒนธรรมกัมพูชา ได้ออกจดหมายชี้แจงผ่านทางเฟซบุ๊ก เพื่อยืนยันว่า วัดภูม่านฟ้าไม่ได้ลอกเลียนนครวัด หรือโบราณสถานใด ๆ แต่เป็นการสร้างตามเลย์เอาต์และออกแบบเอง ตามแบบสถาปัตยกรรมบางส่วนของวัดในพื้นที่ 

    สำหรับชาวเขมรเมื่อรับการชี้แจง ก็ยังนำศิลปะอย่างอื่นของไทยไปเปรียบเทียบกับของตัวเองอีกด้วย เช่นการแสดงโขน ซึ่ง องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ได้ออกมาบอกว่า โขนทั้งสองประเทศเป็นคนละประเภทกัน

    ส่วนปราสาทที่กำลังก่อตั้งอยู่บ้านหนองบัวราย ต.บ้านสิงห์ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ในพื้นที่วัดภูม่านฟ้า และคาดว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ในบุรีรัมย์ในอนาคต

โพสต์ต้นฉบับ

โพสต์ดราม่า

ที่มา : ข่าวช่องวัน, RFA, นางรอง - ฉันไม่ใช่นางเอก