สาวรีโนเวทบ้าน จากบ้านที่ "มีแต่ขยะ" ปรับแต่งใหม่ให้ทันสมัย เพื่อสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์

คอมเมนต์:

ภาพหลังแต่งบ้านว่าอึ้งแล้ว แต่ตอนนี้อึ้งภาพก่อนซื้อเนี่ยแหละค่ะ

    หลังจากแต่งงานมีครอบครัว คุณ สมาชิกหมายเลข 2039763 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ก็เลยปรึกษากับแฟนว่าอยากซื้อบ้านสักหลังเพื่อวางแผนอนาคต แล้วในที่สุดก็ได้ซื้อบ้านเก่าหลังหนึ่งที่ขายตามสภาพ แม้ต้องรีโนเวทใหม่หมดทั้งหลัง 

    โดยแฟนเป็นคนดูแลการรื้อ ซ่อม สร้างด้วยตัวเองทั้งหมด มีครบทั้งห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอน และห้องน้ำ มีการขยายพื้นที่ตัวบ้านให้กว้างมากขึ้น และก่ออิฐบล็อกที่ระเบียงชั้นบนเพื่อพรางตา ใช้เวลาประมาณ 6 เดือนก็เสร็จสวยงาม เอาเป็นว่ามาดูไอเดียรีโนเวทกันแบบเต็มๆ เลยดีกว่าค่ะ รีโนเวทบ้านมือสองทาวน์โฮม 2 ชั้น ที่เละให้น่าอยู่ โดย คุณ สมาชิกหมายเลข 2039763 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม

 

Sponsored Ad

 

    สวัสดีค่ะ นี่เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในการเขียนรีวิวหลังจากได้แต่เฝ้าตามอ่านรีวิวการรีโนเวทบ้านของหลาย ๆ ท่าน พอมาถึงคราวตัวเองทำบ้านหลังแรกก็เลยอยากมาเขียนรีวิวการรีโนเวทบ้านของตัวเองบ้าง เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนหรือเป็นประโยชน์ให้เพื่อน ๆ ได้ดูกัน ความรู้ก็งู ๆ ปลา ๆ เพราะไม่ได้เป็นคนคุมช่างทำงานเอง แฟนเป็นคนดูแลการซ่อม-สร้าง ทั้งหมด ส่วนเราก็ได้แต่ช่วยเลือกซื้อของ และถ่ายรูปเก็บไว้ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า
    เริ่มจากเรากับแฟนเพิ่งแต่งงานกัน เมื่อเดือนธันวาคม 2561 หลังจากแต่งงานอยากสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ เลยมองหาซื้อบ้านสักหลัง เพราะคิดว่าต่อไปอนาคตจะต้องมีลูก ก็คืออยากสร้างความมั่นคงกันตั้งแต่อายุยังน้อยก็ว่าได้ เพราะกลัวว่าแก่ไปจะหากันไม่ไหว ทีนี้เราก็เริ่มเสิร์ชหาดูบ้านมือหนึ่ง และมือสอง เริ่มจากโซนบางบัวทอง มีบ้านมือสองขายกันเยอะมาก ขับรถไปดูถึงที่ แต่ก็ยังไม่มีถูกใจ ด้วยโจทย์ของเราทั้ง 2 คนคือ

 

Sponsored Ad

 

          1. ราคา

          2. บ้านต้องมีที่จอดรถ เพราะไม่อยากจอดรถนอกบ้าน และถ้าเพื่อนหรือญาติมาบ้านต้องมีที่จอด
          3. การเดินทางมาทำงาน / ระยะทาง / การคมนาคม
          4. สภาพแวดล้อม
          5. ฝนตกแล้วน้ำท่วมถนนมากไหม

    สรุปแถวบางบัวทอง ไม่ตอบโจทย์ เพราะเราทำงานแถวบางซื่อ แฟนทำงานแถวลาดพร้าว ถ้าต้องผ่อนบ้านแล้วต้องมาเสียค่าเดินทางในการมาทำงานอีกจะไม่ไหว จึงเริ่มมาดูบ้านแถวลาดพร้าว ก็หาจนถอดใจ เพราะมีแต่ราคา 2.5 ล้านขึ้น จนวันสุดท้ายจำได้ว่าจะไปดูแถวโซนรามอินทรา แต่แฟนพาขับรถเข้ามาดูในซอยนาคนิวาส 48 ย่านลาดพร้าว เพื่อจะพาไปดูบ้านหลังหนึ่งที่ประกาศขายในเว็บไซต์ แต่เราไปไม่ถึงบ้านหลังที่จะเข้าไปดู เราทั้งสองคนได้หันไปเห็นบ้านหลังที่เราซื้อมา แปะประกาศขาย (ตามสภาพ) เสียก่อน พร้อมเบอร์โทร. เราก็ไม่รอช้า หยิบมือถือมากดโทร. ถามราคาเลยจ้า เจ้าของบ้านบอกว่าขายตามสภาพ หลังบ้านมีปลวกกิน เราก็เลยขอนัดดูบ้านเช้าวันถัดมา

 

Sponsored Ad

 


    นี่คือบรรยากาศหน้าบ้านในวันที่เราเจอบ้านหลังนี้ครั้งแรก 4 พ.ค. 62 และเป็นรูปแรกที่เราได้ถ่ายบ้านหลังนี้

    หลังจากที่โทร. คุยกับเจ้าของบ้านวันที่ 4 พ.ค. 62 ตอนสาย ๆ ว่าจะขอนัดดูบ้านในวันต่อมา คืนนั้นเรากับแฟนชวนกันขับรถวนเข้าไปดูบรรยากาศในซอยบ้านอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และเพื่อการตัดสินใจหลาย ๆ อย่างในการซื้อ เจอข้างบ้านที่เป็นร้านขายอาหารตามสั่งกำลังนั่งตั้งวงดื่มกันอยู่ เราเลยเปิดกระจกรถถามว่าหลังนี้ขายเท่าไร ได้ข้อมูลจากข้างบ้านว่าขายราคา 1.3 ล้าน ซึ่งเจ้าของบ้านได้บอกกับเราตอนโทร. ถามเมื่อเช้าว่า 1.4 ล้าน (คงเผื่อต่อ) ทีแรกเราก็คิดว่าฟังราคาผิด เพราะแถวนั้นมีแต่บ้านราคา 2 ล้านขึ้น หรือบ้านเน่า ๆ เลยก็ 1.8-1.9 ล้าน ใจเต้นแรงขึ้นมาทันทีว่าจะได้บ้านราคาที่ถูกขนาดนี้ย่านลาดพร้าว 71 จริง ๆ ใช่ไหมเรา ข้างบ้านก็แนะนำให้เรามาซื้อสิจะได้เป็นเพื่อนบ้านกัน (คิดในใจว่าอย่างน้อยข้างบ้านก็ดีนะ เพราะไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนบ้าน แอบกลัวว่าจะเจอเพื่อนบ้านงี่เง่าเหมือนกัน) นั่งอยู่บนรถส่องมองเข้าไปในบ้านที่มืด แต่พอมีลมพัดมาเท่านั้น ก็ได้กลิ่นขี้แมวแรงมาก เห็นว่าในซอยนี้แมวเยอะก็อาจจะเป็นเรื่องธรรมดา แล้วกลับมารอลุ้นตอนเช้าว่าในบ้านจะเป็นอย่างไร

 

Sponsored Ad

 

    รุ่งขึ้นเช้าวันที่ 5 พ.ค. 62 เวลา 08.00 น. ก็มาถึงหน้าบ้าน พบเจ้าของบ้าน และเริ่มเดินเข้าไปดู ทาวน์โฮมหลังนี้มีขนาด 20 ตารางวา มีแมวเดินเข้า-ออกบ้านกันประมาณว่าข้าคือเจ้าถิ่น วิ่งไล่กันบ้าง นอนหลับบ้างตามประสาแมว ส่วนกลิ่นขี้แมวนั้นอยากบรรยายแบบให้ทุกคนได้กลิ่นตามไปด้วยเพื่ออรรถรสในการอ่านและเสมือนจริง

    แฟนเริ่มเดินเข้าไปดูในบ้านอย่างช้า ๆ  เราก็ไม่ได้หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้มากเท่าไร เพราะมัวแต่อึ้งกับสภาพภายในบ้าน พร้อมเอามือปิดจมูก เลยได้ภาพมาแค่ไม่กี่ภาพ

 

Sponsored Ad

 


    นี่คือโรงจอดรถ


    สภาพในบ้าน ห้อง Living Room เราก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่หันมามองหน้ากันกับแฟนเพราะพูดไม่ออกกับสภาพบ้าน


 

Sponsored Ad

 

    เดินตรงมาสุดเป็นบริเวณหลังบ้านที่เป็นห้องครัว ตามที่เจ้าของได้บอกไว้ว่ามีปลวกกิน คือปลวกกินจนแบบคานไม้หลังคาห้อยลงมาดังภาพ และฝ้าชั้น 1 มีสภาพทรุดโทรมอย่างแรง


    ต่อมาจะพาเพื่อน ๆ ไปดูที่ชั้น 2 มีห้องนอน 2 ห้อง และ 1 ห้องน้ำ มาแล้วก็เดินดูให้ทั่ว บันไดขึ้นชั้น 2

Sponsored Ad


    นี่คือห้องนอนใหญ่ด้านหน้า


    ด้านนอกห้องนอนใหญ่ มองลอดหน้าต่างไปมีระเบียงที่เจ้าของเก่าได้ต่อเติมเอาไว้


    ส่วนนี่เป็นห้องนอนเล็กด้านหลัง เจ้าของบ้านทำห้องนี้เป็นห้องพระ ซึ่งเป็นห้องที่ดูสะอาดและสมบูรณ์ที่สุดในบ้าน กับห้องน้ำของชั้น 2 ซึ่งดูเหมือนไม่เคยมีการใช้งานมานานแล้ว

    สภาพบ้านโดยรวมบ้านก็ประมาณนี้ค่ะ เราถามแฟนก่อนเลยว่าทำให้ใหม่ได้ไหม (แฟนทำงานเกี่ยวกับตกแต่งภายใน) แฟนบอกว่าทำได้ ซึ่งในใจเราไม่ได้รู้สึกรังเกียจบ้านหลังนี้เลย เพราะถูกใจที่ราคา และมองเห็นว่าถ้าเราซื้อบ้านที่แพงกว่านี้ เราก็ต้องเอามาทำใหม่อยู่ดี กลับมานอนคิดอยู่ 2 คืน วันที่ 8 พ.ค. 62 เลยตัดสินใจวางเงินมัดจำ เพื่อให้เจ้าของบ้านปลดป้ายประกาศขาย และยื่นเอกสารกับธนาคาร

    เราก็เตรียมเอกสารยื่นกู้กับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ในวันที่ 10 พ.ค. 62 และได้รับการติดต่อเข้ามาประเมินบ้านในวันที่ 29 พ.ค. 62 เสียเงินค่าประเมิน 2,800 บาท และได้มีการโทร. แจ้งจากธนาคาร ในวันที่ 10 มิ.ย. 62 ว่าได้รับการอนุมัติผ่านแล้ว เย้ ๆ และไปเซ็นสัญญากันในวันที่ 11 มิ.ย. 62 ต่อมาวันที่ 12 มิ.ย. 62 ก็ได้ไปโอนที่กรมที่ดินเป็นที่เรียบร้อย ใช้ระยะเวลานานกว่าเดือน ต่อไปก็เป็นการเข้ารื้อบ้านเพื่อการเข้ารีโนเวท น้ำมาเยอะแล้ว ต่อไปเข้าเนื้อเสียทีค่ะ


    หลังจากทำเรื่องโอนซื้อ-ขายกันเรียบร้อย ขั้นตอนต่อมาก็เริ่มเข้าเคลียร์ของในบ้านที่เจ้าของเก่าทิ้งไว้ค่ะ เริ่มจากชั้นล่าง รื้อทีแมลงสาบแตกฮือเป็นกองทัพ เรานี่วิ่งหนีออกมาหน้าบ้านแทบไม่ทันเลยค่ะ


    ชั้นล่างพื้นเดิมเป็นไม้ปาร์เก้ แต่ก็ไม่ไหวที่จะซ่อมหรือมิอาจทนใช้ต่อ จึงต้องรื้อทิ้งอย่างเดียวค่ะ


    ส่วนฝ้าชั้นล่าง เมื่อรื้อออกแล้วพบเป็นคานไม้ของชั้นบน เนื้อไม้ยังสภาพดี เลยตัดสินใจเก็บไว้ไม่รื้อ


    ขึ้นมารื้อฝ้าที่ชั้น 2 ต่อค่ะ และหาจุดรั่วของหลังคาว่ามีไหม


    ห้องนอนใหญ่ด้านหน้าบ้านชั้นบน มีประตูเปิดออกมาเป็นระเบียงที่เจ้าของคนเก่าต่อเติมลงเสาเอาไว้แข็งแรง

    ส่วนบันไดเดิมยังใช้งานได้ แต่ชันไปหน่อย (ถ้ารื้อทำใหม่ใช้เงินอีกหลายหมื่น) ใช้ของเดิมไปก่อนละกันเนอะ

    ก่อนจะมาพูดเรื่องทุบ ขอมาตอบคำถามเพื่อน ๆ เป็นภาพรวมให้ได้ทราบกันก่อนเกี่ยวกับการยื่นกู้ เรายื่นกู้ไปยอด 1.7 ล้าน แต่ธนาคารอาคารสงเคราะห์อนุมัติให้ 95% ของวงเงินที่ยื่น (ซึ่งไปถามธนาคารอื่นมาให้แค่ 90%) ส่วนการประเมินบ้าน ธนาคารประเมินให้ในราคา 1.1 ล้าน โดนหักค่าประกันอีกเกือบ 8 หมื่น คุ้มครอง 15 ปี เบ็ดเสร็จแล้วเหลือเงินประมาณ 1.5 ล้านกว่า ซื้อบ้านราคา 1.3 ล้าน เหลือเงินทำบ้าน 2 แสนกว่า (ฮือ ไม่พอแน่ ๆ

    ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนนะคะ ว่าเราพยายามทำแบบประหยัดงบประมาณ เซฟให้มากที่สุด เพราะตั้งใจไว้ว่าจะให้อยู่ในงบประมาณ 4 แสน (2 ชั้น) มาไปต่อกันเลยค่ะ เมื่อรื้อซากเก่าออกแล้วก็มาเคลียร์บ้านกันอีกรอบค่ะ (ก่อนทุบ)

    เริ่มจากหน้าบ้าน โรงจอดรถถ้าจอดรถแล้ว 1 คัน มีพื้นที่เหลือเกินความจำเป็น เราเลยทุบเพื่อขยายในตัวบ้านให้กว้างขึ้น เลยไม่ต้องการพื้นที่ตรงโรงจอดรถมากเท่าไร แค่ทุบขยายออกมานิดหน่อยค่ะ (แถวคานปูน)

    มาถึงตรงห้องครัว เราทุบออกแล้วจับเซี้ยมใหม่เพื่อจะใส่เฟรมอะลูมิเนียมกระจก และรื้อหลังคาออก (ที่ปลวกกิน)

    ต่อไปก็สกัดกระเบื้องเก่าในครัว ห้องน้ำชั้นล่าง และห้องน้ำชั้นบนออก (สกัดออกยากมาก) เนื่องจากผนังเป็นอิฐบล็อกมีความกลวง แล้วเป็นอิฐบล็อกที่กันแค่ชั้นเดียวติดกับผนังข้างบ้าน ทะลุไปข้างบ้านเลยจ้า ช่างจึงต้องใช้ความระมัดระวังมากนิดหนึ่งในการสกัดออกค่ะ ส่วนเศษกระเบื้องก็เอามาถมหน้าบ้านไปเลย เพราะต้องการยกพื้นใหม่ให้สูงเท่ากับถนนหน้าบ้านค่ะ

    ต่อมาก็เป็นการเช็กรอยรั่ว อุดรั่วหลังคา และต่อเติมหลังคาโรงจอดรถ

    หมดงานทุบแล้วก็มาต่อกันด้วยงานปูน งานฉาบค่ะ จับเซี้ยม ผนังในบ้านทุกส่วนเราทำการสกิมโค้ทใหม่หมดทุกส่วนเพื่อความเรียบเนียนค่ะ

    วางท่อระบบน้ำดี-น้ำทิ้งใหม่ค่ะ

    ส่วนระบบไฟ เดินสายไฟใหม่ทั้งหมด ร้อยท่อ PVC (ใจอยากได้ท่อเหล็กแต่เกินงบจ้า)

    เทพื้นหน้าบ้าน และฉาบผนังโรงจอดรถ


    เริ่มก่อกำแพงหน้าบ้านค่ะ


    รื้อไม้จากหลังคาในครัวหลังบ้าน อันที่สมบูรณ์เอามาทำคานไม้ เพื่อซับเพดานในบ้าน (เราตั้งใจจะไม่ใส่ฝ้า เพราะอยากให้เพดานดูโปร่ง) เปิดโล่งไปเลย


    ไปต่อกันที่งานปูกระเบื้องกันเลยจ้า ชั้น 1 Living Room เราใช้แกรนิตโต้ ขนาด 60×60 นิ้ว จากบุญถาวรค่ะ


    ชั้น 2 ห้องนอนใหญ่ เริ่มทำโครงฝ้า ฉาบเรียบ


    ที่ชั้น 2 กลางวันชั้นบนค่อนข้างร้อน เราเลยเลือกที่จะฉีดโฟมโพลียูริเทนชั้นบนทั้งหมด ในราคา 18,000 บาท


    เริ่มขัดพื้นไม้ชั้น 2 ค่ะ พร้อมกับซ่อมจุดที่มีปลวกกิน


    ระเบียงชั้นบน เราเลือกที่จะก่ออิฐบล็อกขึ้นมาเพื่อให้พรางตาจากฝั่งตรงข้ามและลมสามารถผ่านได้

    ปูกระเบื้องระเบียง


    เริ่มติดเฟรมอะลูมิเนียมค่ะ ทั้งหลังเราจ่ายไป 48,000 บาท


    ติดตั้งประตูห้องนอนค่ะ ประตูบ้านไม้สักได้มาจากซอยประชานฤมิตรค่ะ


    ห้องครัวค่ะ


    เปลี่ยนสายเมนไฟใหม่ และเปลี่ยนหม้อแปลงไฟฟ้าจาก 5 แอมป์ เป็น 15 แอมป์ เสียค่าธรรมเนียม 2,700 บาท


    ทำประตูรั้วหน้าบ้านค่ะ


    ติดโคมไฟโรงจอดรถ ไฟในบ้าน แล้วก็ติดตั้งเครื่องปั๊มน้ำจ้า

ภาพรีโนเวทบ้านเสร็จแล้วค่ะ


    - ประตูบ้านและโรงจอดรถ


    - หน้าบ้าน


.

    - ห้องนั่งเล่น


    - ห้องครัว


    - บันได


    - ห้องนอน

    ระยะเวลาที่เริ่มเข้าทำบ้านตั้งแต่ 21 มิ.ย. 62 – เสร็จเมื่อ ธ.ค. 62 ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 6 เดือน เนื่องจากแฟนต้องทำงานที่บริษัท ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาดูงานที่บ้าน เลยทำให้เสร็จช้า ทำได้จริงจังก็วันเสาร์-อาทิตย์ แต่เราสองคนก็ตั้งใจที่จะเข้าอยู่ปี 2563 อยู่แล้ว เลยทำไปเรื่อย ๆ หวังว่าการรีวิวครั้งนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนหลาย ๆ คนได้นะคะ ในการทำบ้านที่เละให้กลับมาน่าอยู่ มีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง ขอบคุณทุก ๆ การติดตาม และรออ่านจนจบค่ะ

ที่มา : พันทิปดอทคอม

บทความที่คุณอาจสนใจ