ประเทศอิตาลีถือเป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นอีกสถานที่ในฝันของหลายคนเลยทีเดียว แต่ก็เหมือนจะมีข่าวทำเอาผู้คนทั่วโลกตาลุกวาว เมื่อผู้บริหารเมืองคาสติกลิโอนี ดิ ซิซิเลีย บนเกาะทางใต้ของประเทศอิตาลี ได้ประกาศขายบ้านราคาแสนถูกในราคาเพียง 1 ยูโร หรือประมาณ 37 บาท 

     โดยเมืองแห่งนี้ขึ้นป้ายประกาศขายบ้าน ราคาถูกกว่ากาแฟ เนื่องจากว่าบ้านเกินกว่าครึ่งในละแวกนั้น เริ่มเสื่อมโทรมและบ้านจำนวนไม่น้อยถูกทิ้งร้าง เพราะประชากรลดลงเรื่อยๆ แถมผู้คนวัยหนุ่มสาวที่เคยอาศัยอยู่ ก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นและหนีเข้าไปทำงานในเมืองกันหมด 

    ทางด้าน นายกเทศมนตรีของเมือง กลัวว่าเมืองจะกลายเป็นเมืองร้างในที่สุด จึงได้ผุดแนวคิดต่อลมหายใจและคืนชีวิตให้กับเมืองนี้อีกครั้ง ซึ่งในปัจจุบันมีผู้คนอาศัยอยู่ในเมืองนี้เพียง 3,000 คน ซึ่งลดลงจาก 14,000 คน

    พร้อมเผยว่า "เราต้องรีบฟื้นคืนชีพเมือง มรดกทางสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่แห่งนี้ เพราะสถานที่แห่งนี้อัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์มากมาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนต่างทิ้งบ้านเก่าๆ ที่แสนงดงามเหล่านี้เอาไว้ ซึ่งหลายหลังนั้นสามารถย้อนไปได้ถึงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา อีกทั้งกู้ประเพณีที่พิเศษสุด หนึ่งเดียวของเมืองไม่ให้สูญสลายไปด้วย"

    ทั้งนี้เมืองคาสติกลิโอนี ดิ ซิซิเลีย (Sicilian Village) ตั้งอยู่บนเนินเขาของภูเขาไฟเอตนา และอยู่ใกล้กับชายหาดฝั่งตะวันออกที่งดงามของเกาะซิซิลี ซึ่งบ้านเกินกว่าครึ่งนั้นอยู่ในสภาพที่เสื่อมโทรม จนเหมือนเป็นซากปรักหักพังนั้น จะถูกขายเริ่มต้นในราคา 1 ยูโร (ราวๆ 37 บาทไทย) 

    ด้วยเงื่อนไขที่ว่า ผู้ซื้อต้องเข้ามาอยู่อาศัยและตกแต่งบ้านเรือนใหม่ ภายใน 3 ปี เพื่อดึงผู้คนกลับมาเข้ามาสร้างชีวิตชีวาให้หมู่บ้านอีกครั้ง หลังจากบ้านเรือนถูกทิ้งร้าง หากบ้านหลังไหนมีผู้สนใจในทรัพย์สินเดียวกันหลายรายก็จะเปิดให้มีการประมูล

    ในผังเมืองยังถูกตัดผ่านด้วยลำธารใสสระน้ำและน้ำตกเกิดจากลาวาภูเขาไฟที่แข็งตัว ภายในเมืองถูกรายล้อมไปด้วยป่าไม้ สวนมะกอกสวนส้ม ไร่เฮเซลนัท และไร่องุ่น โดยเมืองนี้ถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งไวน์” เพราะมีการผลิตไวน์บรรจุในขวดแบบพรีเมียม โดยใช้องุ่นพันธุ์พื้นเมืองที่เติบโตขึ้นมาด้วยดินภูเขาไฟที่แสนจะอุดมสมบูรณ์

    ซึ่งชาวต่างชาติผู้สนใจ จากทั่วทุกมุมโลก ทั้งออสเตรเลีย ดูไบ เบลเยียม ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ และประเทศอื่นในยุโรป ต้องเดินทางไปทำสัญญากับสภาเทศบาลฯ ด้วยตนเอง และต้องจ่ายเงินมัดจำอีก 5,000 ยูโร (ราว 213,500 บาท) แก่สภาเทศบาลฯ เพื่อรับประกันว่าจะซ่อมแซมปรับปรุงบ้านให้มีสภาพสมบูรณ์ 

    พร้อมเข้าอยู่ได้ภายในเวลา 3 ปีหลังการซื้อขาย และคาดว่าค่าปรับปรุงบ้านแต่ละหลังไม่ต่ำกว่า 20,000 ยูโร (ราว 854,000 บาท) ส่วนชาวเมืองในละแวกใกล้เคียงไม่คัดค้านโครงการดังกล่าว แต่คาดหวังว่าชาวต่างชาติที่มาซื้อบ้านในชุมชน จะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวในท้องถิ่นให้ดีขึ้น

    งานนี้หากใครสนใจ ฝันอยากไปมีชีวิตที่หมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางธรรมชาติ งานนี้ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นโอกาสที่ดี ที่สถานที่แห่งนี้ตอบโจทย์ได้ดีมากเลยทีเดียว 

ที่มา : CNN / mirror