หญิงวัย 35 แกล้งป่วยเป็นอัมพาตนาน 20 ปี กุเรื่องให้คนทั้งบ้านตามใจ สุดท้ายโป๊ะเพราะหลาน

คอมเมนต์:

คุณพระ จะมีอะไรพีคไปกว่านี้อีกมะ!

        เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่สร้างความอึ้งไปทั่วแผ่นดินจีนเลยก็ว่าได้ หลังจากที่เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ต่างประเทศได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวของหญิงวัย 35 คนหนึ่งที่นอนป่วยเป็นอัมพาตมานานถึง 20 ปี

        รายงานระบุว่า "อู๋ กุ้ยอิง" (Wu Guiying) เติบโตมาในครอบครัวจีน ซึ่งพ่อของเธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับตั้งแต่เธอยังเด็ก ๆ ซึ่งแม่ของเธอต้องกลายเป็นเสาหลักของครอบครัวทันทีตั้งแต่วันที่พ่อจากไป โดยกุ้ยอิงเป็นลูกสาวคนเล็กของบ้าน ที่บ้านของเธอมีพี่น้องทั้งหมด 8 คน

 

Sponsored Ad

 

        ซึ่งตั้งแต่เด็กกุ้ยอิงมีสุขภาพไม่แข็งแรง ทำให้แม่รักและเป็นห่วงเธอมากกว่าพี่น้องคนอื่น ๆ เรียกได้ว่ากุ้ยอิงเป็นสุดที่รักของแม่ก็ไม่ผิด ซึ่งแม่ก็จะคอยดูแลและเอาใจใส่กุ้ยอิงอย่างใกล้ชิด โดยในช่วงที่กุ้ยอิงป่วย แม่ก็จะคอยเอาอกเอาใจ ชนิดที่ว่าดูแลปรนนิบัติลูกสาวคนนี้อย่างดีโดยที่เธอแทบจะไม่ต้องลุกหรือหยิบจับอะไรเองเลย ขนาดกุ้ยอิงคันหัวแม่ยังเกาให้ แทบไม่ให้เธอเกาเองเลยด้วยซ้ำ

        แน่นอนว่าแม่ทำให้กุ้ยอิงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายโดยแบบที่ไม่ต้องลุกออกจากเตียงหรือไปทำอะไรเองให้เหนื่อย และแน่นอนว่าการที่กุ้ยอิงได้รับการเลี้ยงดูแบบนี้มาตั้งแต่เด็กทำให้เธอค่อนข้างจะชินกับการถูกตามใจ จนบางครั้งเธอก็มีนิสัยที่เอาแต่ใจเกินไป ทุกครั้งที่กุ้ยอิงไม่ได้ดั่งใจเธอก็มักจะร้องไห้ออกมาเสียงดังจนกว่าจะได้สิ่งที่เธอต้องการ กุ้ยอิงกลายเป็นคนที่ชินกับการนอนอยู่บนเตียงเฉย ๆ และรอให้แม่มาดูแลไปแล้ว 

 

Sponsored Ad

 

        จนกระทั่งตอนที่กุ้ยอิงอายุได้ 16 ปี เธอก็ได้มีปัญหาทะเลาะกับพี่ชาย ก่อนจะถูกพี่คนหนึ่งตบหน้า 2 ครั้ง และด้วยความที่เธอถูกแม่ตามใจมาโดยตลอดทำให้เธอไม่เคยต้องรู้สึกเจ็บมาก่อน และนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเธอก็ป่วยและบอกว่าตัวเองเป็นอัมพาต แน่นอนว่าทันทีที่แม่ทราบเรื่องราวดังกล่าวก็รีบพาลูกสาวสุดที่รักไปหาคุณหมอทันที หลังจากตรวจเช็กแล้วคุณหมอก็บอกว่า ร่างกายของกุ้ยอิงปกติ ไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติเลยแม้แต่น้อย แถมยังสุขภาพแข็งแรงมาก 

        แต่คำพูดจากคุณหมอก็ไม่เป็นผล เพราะกุ้ยอิงยังคงมีท่าทีเหมือนคนป่วยอยู่ตลอดเวลา เอาแต่นอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่สามารถลุกขึ้นไปไหนได้ แน่นอนว่าเห็นแบบนั้นแม่ก็เคยประคบประหงมกุ้ยอิงทั้งวัน ซึ่งแม่ก็ทำแบบนั้นเป็นเวลาถึง 20 ปี และแล้วแม่ก็จากเธอไปเพราะความชรา

 

Sponsored Ad

 

        หลังจากนั้นผู้เป็นพี่สาวอย่าง "อู๋ กุ้ยหลิง" (Wu Guiling) ก็จำเป็นที่จะต้องรับกุ้ยอิงมาดูแลต่อที่บ้าน แต่ด้วยความที่พี่สาวและสามีของเธอกับสามีมีอาชีพเป็นเกษตรกร ทั้งคู่จึงไม่สามารถดูแลกุ้ยอิงได้ตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนที่แม่ทำได้ 

        จนกระทั่งช่วงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2551 จู่ ๆ ก็เริ่มมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นที่บ้านของกุ้ยหลิง โดยมีอยู่วันหนึ่งกุ้ยหลิงกลับมาที่บ้านแล้วเห็นเงาของคนปรากฏจากแสงไฟ เมื่อเธอเห็นอย่างนั้นเธอก็รีบวิ่งเข้าไปดูน้องสาวทันทีเพราะกลัวว่าจะเกิดอะไรไม่ดีขึ้นกับน้องสาว แต่เมื่อวิ่งไปถึงห้องน้องสาวก็พบว่าน้องสาวนอนอยู่บนเตียงปกติ ซึ่งเหตุการณ์วันนั้นก็ทำให้กุ้ยหลิงรู้สึกกังวลและไม่สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างมาก เพราะเธอเป็นห่วงน้องสาวเวลาที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวขณะที่เธอและสามีออกไปทำงาน เธอคิดมากจนคิดไปถึงว่าจะมีสิ่งเหนือธรรมชาติอยู่ในบ้านของเธอ

 

Sponsored Ad

 

        จนกระทั่งวันหนึ่งลูกสาวของกุ้ยหลิงก็ได้บอกเรื่องบางอย่างกับเธอ ที่ทำเอาเธอแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ลูกสาวบอกกับเธอว่า เห็นน้ากุ้ยอิงลุกขึ้นมาได้! และเมื่อได้ยินแบบนั้นกุ้ยหลิงก็ไม่ได้จะเชื่อลูกสาวทันทีแต่เธอต้องการจะพิสูจน์เรื่องดังกล่าว เธอปรึกษาสามีและตัดสินใจติดกล้องวงจรปิดไว้ที่บ้านเพื่อเก็บภาพเหตุการณ์ขณะที่เธอและสามีรวมถึงลูกสาวไม่อยู่บ้าน และแล้วในที่สุด.. ภาพที่กล้องวงจรปิดบันทึกไว้ได้ก็ทำเธอถึงกับไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง 

 

Sponsored Ad

 

        เธอเห็นภาพของกุ้ยอิงน้องสาวแท้ ๆ ที่กุเรื่องป่วยเป็นอัมพาตมาเป็นเวลากว่า 20 ปี ลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปหยิบถั่วที่อยู่ในห้องครัว ก่อนที่จะเดินกลับมาและนอนลงที่เตียงตามเดิม

        กุ้ยหลิงตัดสินใจเผชิญหน้ากับน้องสาว แต่กุ้ยอิงก็ยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนเธอต้องบังคับให้กุ้ยอิงไปตรวจที่โรงพยาบาล ซึ่งคุณหมอก็ได้ยืนยันเหมือนเดิมว่า ร่างกายและแขนขาของกุ้ยอิงปกติดี และยืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นอัมพาตแต่อย่างใด แต่กุ้ยอิงมีความผิดปกติทางจิต โดยคุณหมอได้อธิบายเพิ่มเติมว่า เธอน่าจะชินกับการมีคนคอยดูแลมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เธอสูญเสียความสามารถในการพึ่งพาและดูแลตัวเองไป ทำให้เธอทำเรื่องแบบนี้ขึ้น

        ทั้งนี้กุ้ยหลิงก็ได้ส่งตัวน้องสาวไปรับการบำบัดรักษา จนในที่สุดสภาพจิตใจของกุ้ยอิงก็ค่อย ๆ ดีขึ้น และเธอก็ค่อย ๆ เริ่มเรียนรู้ที่จะดูแลตัวเองได้มากขึ้น จนในที่สุดกุ้ยอิงก็สามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างคนปกติได้

ที่มา : ETtoday

บทความที่คุณอาจสนใจ