เขาทำให้โรงแรมที่เกือบเจ๊ง มีหนี้ 4.5 พันล้าน กลายเป็นโรงแรมมีแขกเข้าพัก 8 หมื่นคนต่อปี

คอมเมนต์:

"ประธานบริษัทคือคนธรรมดา แต่พนักงานคือสมบัติอันล้ำค่า!"

        ช่วงนี้มีธุรกิจหลายแห่งเริ่มหยุดให้บริการชั่วคราว บางรายถึงกับยื้อต่อไปไม่ไหวต้องจบลงด้วยการปิดกิจการอย่างถาวรก็มี และแล้วแอดก็ไปเจอบทความที่น่าสนใจและน่าจะเป็นแรงบันดาลใจ เป็นไอเดียที่ดีสำหรับคนที่กำลังคิดจะทำธุรกิจหรือมีธุรกิจอยู่แล้ว ซึ่งนี่คือเรื่องราวของนักธุรกิจรายหนึ่งที่ชื่อ โฮชิโนะ โยชิฮารุ (Hoshino yoshiharu)

        โดยเมื่อไม่นานมานี้เพจ JapanSalaryman ได้นำเรื่องราวของเขามาเผยแพร่ให้ได้รู้จักเขามากขึ้น โฮชิโนะ โยชิฮารุ (Hoshino yoshiharu) เป็นผู้บริหารโรงแรมที่พลิกผันจากหนี้ 14,700 ล้านเยน (ประมาณ 4,500 ล้านบาท) มาสู่โรงแรมรีสอร์ทที่ได้รับความนิยมสูงสุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่นภายในเวลาเพียง 3 ปี จากธุรกิจที่เกือบล้ม กลายเป็นธุรกิจมีแขกมาเยี่ยมชมมากกว่า 80,000 คนต่อปี น่าทึ่งมากใช่ไหมคะ

 

Sponsored Ad

 

        เขาคือผู้บริหารโรงแรมมืออาชีพผู้พลิกฟื้นธุรกิจจากวิกฤติมาสร้างกำไรมหาศาล คุณโฮชิโนะนอกจากกิจการโรงแรมที่สืบทอดมาจากครอบครัวของเขาแล้ว เขายังมีหน้าที่เข้าไปกอบกู้และพลิกฟื้นธุรกิจโรงแรมหรือรีสอร์ทขนาดใหญ่ที่ใกล้จะล้มละลายให้ฟื้นตัวขึ้นมาใหม่

 

Sponsored Ad

 

        Hoshinoya แบรนด์รีสอร์ตระดับ 5 ดาวที่ปัจจุบันมีทั้งหมด 8 ที่ทั่วโลก แต่วันนี้จะขอแนะนำโรงแรม และรีสอร์ทในเครือภายในประเทศญี่ปุ่นก่อน โดยจะมี รีสอร์ท Risonare ที่ยามานาชิ, รีสอร์ท Tomamu ที่ฮอกไกโด และรีสอร์ท Bandai ที่ฟุกุชิมา 


        และคุณโฮชิโนะก็เป็นคนที่พลิกวิกฤติกลับมาเป็นโอกาสได้อีกครั้งทั้งหมด ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นทุกอย่างแย่ถึงขนาดที่ว่าธุรกิจหลายแห่งต้องปิดตัวลงอย่างถาวรแล้ว แต่เขาสามารถซื้อใจพนักงานให้ก้าวต่อไปด้วยกันได้ และนี่คือวิธีของเขา

 

Sponsored Ad

 

 

1. พนักงานที่ยังอยู่คือสมบัติอันล้ำค่า 

        เขาเชื่อว่าคนที่รู้งานดีที่สุดก็คือพนักงาน วันแรกที่เขาเริ่มต้นเข้าไปกอบกู้กิจการโรงแรมที่ร่อแร่ เขามักจะบอกกับลูกน้องว่าตัวเอกของงานไม่ใช่เขา แต่เป็นพนักงานทุกคน ซึ่งเขาเป็นประทานที่อยากให้พนักงานทุกคนพูดและแสดงความคิดเห็นออกมาตรง ๆ โดยไม่ต้องเกรงใจว่าเขาเป็นประทาน 

 

Sponsored Ad

 

2. ประธานก็คือคนธรรมดา

        นี่เป็นอีกสิ่งที่แปลกและแตกต่างจากห้องทำงานทั่วไป เพราะห้องทำงานของโรงแรมจะไม่มีห้องของประธานบริษัท ไม่มีโต๊ะทำงานส่วนตัว ไม่มีโต๊ะทำงานแบ่งตำแหน่ง และเลือกสร้างองค์กรของเขาให้เป็นแบบแฟลตเพื่อทำให้พนักงานสามารถออกความคิดเห็นได้อย่างอิสระ 

        เรื่องสำคัญที่บริษัทจะต้องตัดสินใจ เขาก็จะให้โอกาสพนักงานทำการประชุม วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียกันเอง โดยเขาจะคอยดูกระบวนการอย่างห่าง ๆ เมื่อพนักงานได้ตัดสินใจเองได้แล้ว ทุกคนก็จะยอมรับกับข้อสรุปนั้น แล้วทำกันอย่างเต็มที่ ถือว่าเป็นอีกวิธีที่แตกต่างจากการทำงานในที่อื่นอย่างสิ้นเชิงจริง ๆ

 

Sponsored Ad

 

3. ถ้ากล้ามอบหมาย ไว้วางใจพนักงาน เขาก็จะสนุกภาคภูมิใจ และกล้าเปลี่ยนแปลง

        เริ่มจากประสบการณ์การบริหารในช่วงแรก ๆ ที่เขาเคยบริหารงานผิดพลาด เขาในฐานะลูกชายคนโตของเจ้าของโรงแรมเขาถูกเลี้ยงด้วยความคาดหวังให้เป็นผู้สืบทอดกิจการตั้งแต่เด็ก พอจบมหาวิทยาลัยในประเทศญี่ปุ่น ก็ได้ไปเรียนต่อวิชาการบริหารโรงแรมที่ประเทศอเมริกา จากนั้นก็กลับมาเป็นนายธนาคาร 

 

Sponsored Ad

 

        แล้วเข้ารับสืบทอดกิจการตอนอายุ 31 ปี ภายใต้มรสุมจากภาวะฟองสบู่แตกที่เกิดขึ้นในประเทศญี่ปุ่น ธุรกิจเริ่มซบเซา แต่เขาอยากเป็นโรงแรมชั้นหนึ่ง จึงพยายามเอาสิ่งที่ได้เรียนรู้มาจากอเมริกาปรับใช้กับโรงแรมของตัวเอง 

        Top-Down คือการออกแบบการทำงานและจัดทำขึ้นจากผู้บริหารระดับสูง ซึ่งข้อดีคือจะได้กระบวนการทำงานจากประสบการณ์ทำงานของผู้บริหารระดับสูง ซึ่งมีการวางแผนป้องกันข้อผิดพลาดล่วงหน้า 

Sponsored Ad

        แต่ข้อเสียคือหากระหว่างการทำงานจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลง หรือปรับปรุงเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์นั้น ๆ แต่ไม่ตรงตามนโยบายที่กำหนด จะไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้ทันที เพราะต้องผ่านการพิจารณาจากผู้บริหารระดับสูงก่อน ทำให้ล่าช้าออกไปมาก

        ดังนั้นเขาจึงกลับมาครุ่นคิดใหม่ว่า "ทำยังไงคนถึงจะทำงานกับเราด้วยใจ" จนเขาได้มีโอกาสมอบหมายช่างภาพคนหนึ่งให้เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจงานแต่งของโรงแรม ซึ่งเป็นธุรกิจวิกฤติของโรงแรม ณ ขณะนั้น ปรากฎว่าลูกน้องคนนี้เมื่อได้รับความไว้วางใจ เขาได้คิด ได้ลองทำ และมีโอกาสตัดสินใจด้วยตัวเอง คิดโปรเจคขึ้นมาใหม่ จนประสบความสำเร็จด้วยการคิดและลงมือทำของเขาเองอย่างอิสระ

        เขาจึงรู้สึกภาคภูมิใจ สนุกสนาน และเริ่มเปลี่ยนแปลง ซึ่งนี่แหละคือหัวใจให้พนักงานทำงานด้วยใจ และเขาเชื่อในสิ่งนี้แล้วนำมาใช้เป็นนโยบายการบริหารตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

        และ 3 สิ่งพิเศษนี้ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ส่งผลให้แววตาของพนักงาน จากสายตาที่ไร้ความหวัง ไม่รู้ว่าอนาคตตัวเองจะเป็นเช่นไร แต่พอได้สัมผัสวิธีคิดและวิธีการของผู้บริหารคนนี้ พวกเขากลับมีความมั่นใจ และรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการพลิกวิกฤติเป็นธุรกิจที่สร้างกำไรอีกครั้ง หลังจากที่เขาได้รับภารกิจเข้าไปกอบกู้กิจการโรงแรม ก็เขาก็เข้าใจว่า หัวใจของนักบริหาร ผู้เข้าอกเข้าใจพนักงาน เมื่อพนักงานได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ เขาก็อยากจะทำให้ผู้บริหารภูมิใจในตัวเขาเช่นกัน

        และนี่เป็นตัวอย่างที่ดีของการเป็นผู้นำของคุณโฮชิโนะผู้บริหารที่พยายามวางองค์ประกอบต่าง ๆ ขององค์กรเพื่อให้พนักงานได้แสดงศักยภาพที่เขามีอยู่อย่างเต็มที่ นี่ถือเป็นอีกตัวอย่างที่ดีของการเป็นผู้นำ ผู้บริหาร (Leadership) ที่มีหลากหลายสไตล์ และรู้จักมีไหวพริบสังเกตการณ์ต่าง ๆ เมื่อเล็งเห็นจุดสำคัญแล้วก็ต้องปรับใช้ให้ถูกต้องตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิก <<

ที่มา : Boom JapanSalaryman

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ