เปิดชีวิต ซินเดอเรลล่ายุคใหม่ จากสาวนักเที่ยวลูกติด สู่เจ้าหญิงแห่งนอร์เวย์ ที่คนทั้งประเทศหลงรัก

คอมเมนต์:

นี่มันยิ่งกว่านิทานซินเดอเรลล่าที่เคยได้อ่านเสียอีก

    เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็คงเคยได้ยินนิทานเรื่อง ซินเดอเรลล่า มาแล้วไม่มากก็น้อย ผู้คนมักคิดว่าพล็อตเรื่องโรแมนติกและชวนฝันให้ความรู้สึกเหลือเชื่อมาก และคิดว่าประสบการณ์เช่นนี้เป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง! คุณกำลังคิดผิดแล้ว เพราะเรื่องราวต่อไปนี้ของเจ้าหญิงแห่งนอร์เวย์ สามารถฟื้นคืนความมั่นใจและความหวังในเทพนิยายได้อีกครั้ง!

     

    สื่อต่างประเทศเปิดเผยว่า ในปีค.ศ. 2001 เจ้าหญิงเมตเต-มาริต มกุฎราชกุมารีแห่ง (Mette-Marit Tjessem Høiby) ได้แต่งงานกับเจ้าชายโฮกุน มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ (Prince Haakon) อย่างเป็นทางการ 

 

Sponsored Ad

 

    เธอเป็นผู้หญิงที่เกิดในครอบครัวพลเรือนในปี 1973 ไม่เพียงเท่านี้ ก่อนหน้านี้เธอยังเคยแต่งงานมาแล้ว และกลายเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอีกด้วย แต่อดีตของเธอก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำให้เธอกลายเป็นราชวงศ์คนหนึ่ง!

 

Sponsored Ad

 

    หลังจากที่เธอได้แต่งงานกับเจ้าชายและเข้าไปอาศัยในพระราชวัง แม้ว่าจะเกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างล้นหลาม กลายเป็นประเด็นสนทนาที่ร้อนแรงในหมู่ผู้คนทั่วประเทศ แต่หลังจากนั้นเธอก็อาศัยประสบการณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจและการตอบสนองที่เหมาะสมต่างๆเพื่อก้าวไปข้างหน้าและถอยห่างการประเมินของหลาย ๆ คนที่มีต่อเธอ สถานการณ์ทุกอย่างค่อยๆเปลี่ยนไปจากร้ายกลายเป็นดีขึ้น และเธอก็ถูกปิดผนึกว่าเป็น “ซินเดอเรลล่ายุคใหม่!”

   เมตเต-มาริต แม้เธอจะเกิดในครอบครับพลเรือนทั่วไป และเป็นครอบครัวใหญ่ ที่มีคุณพ่อ คุณแม่และน้องชายและน้องสาว แต่ทว่าเมื่อเธออายุได้ 11 ปี คุณพ่อคุณแม่ของเธอก็จากไป หลังจากนั้นชีวิตความเป็นอยู่ของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่อยู่ในโรงเรียนเธอมีนิสัยและการเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยม ก็กลายเป็นคนอารมณ์รุนแรง จนลายเป็นนักเรียนที่มีปัญหา ทำให้ครูทั้งโรงเรียนต้องปวดหัวมาก

 

Sponsored Ad

 

    เมตเต-มาริต มีช่วงเวลาที่แย่ๆ ในอดีต ตั้งแต่กลับมาจากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนของโรงเรียนมัธยมในประเทศออสเตรเลีย เธอมักไปเที่ยวกลางคืนบ่อยๆ จนกระทั่งพลาด ตั้งท้องกับแฟนหนุ่ม ยิ่งไปกว่านั้นคือ ก่อนที่ลูกของเธอจะลืมตาออกมาดูโลก พ่อของเด็กคนนี้ก็ถูกกฎหมายลงโทษบ่อยครั้ง จนต้องเข้าไปนอนในเรือนจำ...

    เมตเต-มาริต จึงต้องแบกท้องโตมีชีวิตเพียงลำพัง สุดท้ายเธอจึงตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านในชนบท และก่อนที่ลูกจะคลอดออกมาเพียงไม่กี่วัน เธอยังไปงานดนตรีตอนกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย

 

Sponsored Ad

 

    การที่ต้องแบกท้องโตไปงานดนตรีนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่นับว่าเธอโชคดีมากที่ได้พบเจ้าชายโฮกุน ณ ที่นั่น เจ้าชายรู้สึกเห็นอกเห็นใจทันทีที่เห็นเธอแบกท้องโตมางานครั้งนี้ จึงบอกให้คนขับรถ ขับรถพาเธอไปส่งถึงที่บ้าน

 

Sponsored Ad

 

    ในตอนนั้น ทั้งสองนั่งเบาะหลัง ตลอดทางทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันเลย ตามสไตล์สุภาพบุรุษของเจ้าชาย แต่ทว่า เมตเต-มาริต กลับจดจำเหตุการณ์ครั้งมิรู้ลืม หลังจากที่เธอคลอดลูกแล้ว เธอก็กลับไปในเมืองเพื่อเรียนต่อจนจบ เพื่อหวังว่าจะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้ในอนาคต พร้อมกันนี้เธอก็ทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

    กว่าจะเรียนจนจบนั้นไม่ง่ายเลย เธอจึงได้เดินทางไปร่วมฉลองความสำเร็จในครั้งนี้อีกครั้งในงานแสดงดนตรี เพราะเธอเป็นคนรักในเสียงเพลงเป็นอย่างมาก และความบังเอิญก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเธอได้พบเจ้าชายโฮกุนอีกครั้ง เหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน เจ้าชายที่หยิบยื่นความมีน้ำใจให้เธอ และทั้งคู่ก็ได้หลงรักกันในระยะเวลาอันสั้น

 

Sponsored Ad

 

    ในตอนนั้น เมตเต-มาริต ไม่ได้คิดจะปิดบังเรื่องราวของตนเองเลย แต่กลับเล่าเรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับเธอจนหมดเปลือก ทำให้เจ้าชายโฮกุนรู้สึกดีกับเธอเป็นอย่างมาก และเริ่มชื่นชอบเธอขึ้นเรื่อยๆ

    แต่ทว่าเมื่อเปรียบเทียบพื้นหลังของ เมตเต-มาริต กับ เจ้าชายโฮกุน มกุฎราชกุมารแห่งนอร์เวย์ พระโอรสองค์เดียวของกษัตริย์แห่งนอร์เวย์ อีกทั้งยังเป็นพระญาติของขุนนางในประเทศเพื่อนบ้านด้วย เขามีผลงานมากมายตั้งแต่วัยเด็ก ถือเป็นความหวังและอนาคตของนอร์เวย์เลยก็ว่าได้ ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาทำให้เขากลายเป็นผู้ชายในฝันที่หายากสำหรับสาว ๆ ในท้องถิ่น! 

Sponsored Ad

    หลังจากที่ความรักของ เมตเต-มาริต กับ เจ้าชายโฮกุ ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้ทั้งคู่ต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมาย ทำให้สื่อต่างๆ พากันขุดคุ้ยประวัติของ เมตเต-มาริต ว่าเคยเป็นนักเที่ยว นักเต้นยามราตรี และเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ ที่สำคัญมีลูกก่อนแต่งงาน ส่วนพ่อของเด็กก็ติดคดี ทำให้สมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 แห่งนอร์เวย์ หรือ พระบิดาของเจ้าชายโฮกุนรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก สั่งห้ามเจ้าชายแต่งหญิงคนนี้เด็ดขาด กลายเป็นคลื่นลูกใหญ่มากสำหรับรักครั้งนี้

    ทำให้ทั่วโลกต่างพากันพูดถึงความรักของทั้งสอง แต่ท้ายที่สุดสมเด็จพระราชาธิบดีฮารัลด์ที่ 5 แห่งนอร์เวย์ก็ทรงเปลี่ยนพระทัย และออกมาขออภัยประชาชน ยอมให้ทั้งคู่แต่งงานกัน 

    ในตอนท้าย เมตเต-มาริต ยังเผยคำสารภาพที่จริงใจว่า "การกบฏในอดีต ทำให้ฉันต้องใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยงที่แย่มาก แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก และหวังว่าทุกคนจะเข้าใจ! อดีตที่เกิดขึ้นล้วนเกิดก่อนที่ฉันจะได้พบกับคำว่ารัก และคนที่รักฉัน ปัจจุบันฉันก็ได้พบเขาและตกหลุมรักเขาแล้ว เขานี่แหละที่ทำให้ฉันกลายเป็นตัวของตัวเอง!" คำสารภาพในครั้งนี้ของเธอสร้างความประทับใจให้กับคนทั่วทั้งประเทศ

    ในที่สุดทั้งคู่ก็แต่งงานกัน! หลังจากการทุ่มเทอย่างหนักของทั้งสองคน เมื่อวันที่ 25 เดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. 2001 ทั้งคู่ได้จัดงานแต่ง ในวันงานบาทหลวงได้ถามทั้งสองว่า “คุณไม่ได้เลือกเส้นทางที่แสนง่ายดาย แต่ในที่สุดคุณก็ได้ชัยชนะแห่งรัก และนับจากวันนี้ชีวิตของคุณก็ได้พลิกเปลี่ยนใหม่”  ทำผู้คนทั้งหลายพากันน้ำตาไหล ซาบซึ้งใจ...


    ยิ่งไปกว่านั้นคือ เจ้าชายโฮกุนก็ทรงรักและเอ็นดูลูกของ เมตเต-มาริต เป็นอย่างมากราวกับว่าเป็นลูกของตนเองเลย เพื่อรักครั้งนี้ เมตเต-มาริต ก็พยายามปรับตัวอย่างมาก เพื่อให้ตนเองมีคุณสมบัติมากพอที่จะเป็นภรรยาของเจ้าชายโฮกุน หลังจากที่แต่งงานกับเจ้าชาย เธอก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนต่อที่ลอนดอน นอกจากนี้เจ้าชายโฮกุนสุดที่รักของเธอเคียงข้างเธอด้วย แต่เจ้าชายไปเรียนต่อในระดับปริญญาโท

    ต่อมา ทั้งคู่ก็ได้กำเนิดลูกชายและลูกสาว ทั้งสองมักจะมีส่วนร่วมในองค์กรสวัสดิการสาธารณะต่างๆเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ด้อยโอกาส

    เมตเต-มาริต ได้พลิกชีวิตของตัวเองด้วยสติปัญญา ความเมตตาและความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งและยังมุ่งมั่นที่จะใช้บทบาทของเขาในฐานะ ความสามารถของเจ้าหญิงนำความสุขและพลังบวกมาสู่ทุกคนและตอนนี้ทั้งสองคนมีชีวิตเหมือนเทพเจ้าและเธอได้เปลี่ยนจากผู้หญิงธรรมดา ผู้หญิงที่ถูกกษัตริย์ปฏิเสธ จนกลายเป็นเจ้าหญิงที่คนทั้งประเทศรัก! การตั้งชื่อว่า “ซินเดอเรลล่ายุคใหม่!”  ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย!


     ความรัก ทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากอ่านเรื่องราวนี้จบแล้ว รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง ประทับใจมากแค่ไหน เชื่อหรือยังว่าซินเดอเรลล่ามีอยู่จริงนะ ฟังแบบนี้แล้วอยากเป็นซินเดอเรลล่าขึ้นมาแล้วสินะ...

.

ที่มา : idea543, LIEKR

บทความที่คุณอาจสนใจ