"เก้า เกริกพล" เปิดหมดใจประเด็น "เจนนี่" หนังคนละม้วน ให้โอกาสพูดความจริงแล้ว พร้อมท้าสาบานคู่

คอมเมนต์:

"ออกมาพูดความจริงเถอะครับ ทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับผิดนะ ถ้ามีส่วนไหนที่ผมผิด ผมก็ยินดียอมรับผิดเช่นกัน แต่ผมเชื่อมั่นในตัวเองว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปทั้งหมดคือเรื่องจริง" เก้า เกริกพล

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

        ยังคงเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนที่โลกโซเชียลต่างกำลังจับตามองและให้ความสนใจกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างนักร้องดัง เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น เจ้าของค่ายเพลง ได้หมดถ้าสดชื่น กับนักร้องหนุ่มรุ่นน้อง เก้า เกริกพล หลังทั้งคู่ได้มีโอกาสร่วมงานกันในเพลง เลิกคุยทั้งอำเภอเพื่อเธอคนเดียว ซึ่ง ณ ตอนนี้ มียอดผู้เข้าชมในยูทูบมากกว่า 350 ล้านวิว

        โดยที่ก่อนหน้านี้ทางด้านของ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น จะได้ออกมาไลฟ์ชี้แจงข้อเท็จจริงจากฝั่งตัวเองในหลากหลายประเด็นที่ชาวเน็ตสังสัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ สัญญาใจ ค่าตัวในการทำงาน ไปจนถึงความสัมพันธ์กับนักร้องรุ่นน้อง ที่เจ้าตัวยืนยันชัดเจนว่า ไม่ได้มีปัญหากัน แต่ถึงอย่างนั้นแล้วก็ยังมีชาวเน็ตจำนวนหนึ่งที่ไม่ปักใจเชื่อ ถึงขนาดออกมาเปิดกระทู้วิพาษ์วิจารณ์ พร้อมทั้งติดแท็กแบ่งฝ่าย จนกลายเป็นเทรนด์ฮิตที่ร้อนระอุในโลกโซเชียล

 

Sponsored Ad

 

        กระทั่งเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา เก้า เกริกพล ก็ได้ถือโอกาสออกมาแถลงข่าวผ่านรายการ NineEntertain เพื่อชี้แจงรายละเอียดอีกมุมในประเด็นดราม่าที่เกิดขึ้น ซึ่งเจ้าตัวได้เปิดใจถึงเรื่องทั้งหมดว่า "สิ่งที่พี่เขาพูดมาแล้วแต่คนจะเชื่อหรือไม่เชื่อขึ้นอยู่กับวิจารณญาณส่วนบุคคล แต่สิ่งที่ผมพูดทั้งหมดก็คือความจริง"

 

Sponsored Ad

 

มีเรื่องไหนบ้างที่เขาพูดแล้วไม่ตรงกับข้อมูลของเรา ?

        เก้า เกริกพล : "ทุกเรื่องครับ พี่เขาออกมาค้านทุกเรื่องเลย ตั้งแต่เรื่อง 70-30 เรื่องค่าตัว 500 บาท และก็รายการที่ให้เงินมา 10,000 บาท ประมาณนี้ครับ"

อยากให้อธิบายเรื่อง 70-30 ข้อตกลง ณ ตอนนั้นมันเป็นยังไง ?

        เก้า เกริกพล : "สำหรับเรื่องนี้ผมยืนยันครับว่าเราได้ตกลงกันก่อนที่จะถ่ายทำมิวสิควิดีโอ และเรื่องของค่าย เราก็ไม่ได้ตกลงกันตอนนั้น เพราะตอนนั้นพี่เขายังไม่ได้ทำค่าย พี่เขาเพิ่งจะมาทำค่ายตอนที่เพลงมันดังแล้ว แต่ผมยืนยันครับว่าตอนนั้นเราได้มีการตกลงกันจริง ๆ เรื่อง 70-30 ก่อนที่จะถ่ายทำมิวสิควีดีโอ"

 

Sponsored Ad

 

แสดงว่าวันนั้นเป็นการตกลงด้วยสัญญาใจถูกต้องไหม ?

        เก้า เกริกพล : "ใช่ครับ เป็นสัญญาใจครับ สัญญาใจมีจริง และพี่เขาก็ได้สาบานไว้แล้วด้วย"

ที่พี่เขาบอกว่าชวนเราไปเข้าทำงานร่วมกันในค่าย อันนี้มีจริงด้วยไหม ?

 

Sponsored Ad

 

        เก้า เกริกพล : "มีจริงครับ แต่เป็นการชวนผมหลังจากที่เพลงดังแล้ว เขาถามผมว่าผมสนใจจะไปอยู่ค่ายเดียวกับเขาไหม แต่ผมก็อธิบายไปว่าผมอยู่กับพ่อติ๊ก เพราะผมได้ประกวด The Voice Kids และมีสัญญาใจกับพ่อติ๊กอยู่ เราดูแลกันแบบพ่อลูก"

ตอนที่เขาเสนอให้เราไปอยู่ในค่าย ตอนนั้นเราตอบว่าอย่างไร ?

 

Sponsored Ad

 

        เก้า เกริกพล : "ผมก็บอกเขาครับว่าผมขอถามผู้ใหญ่ก่อน ขอถามพ่อแม่ก่อน และที่สำคัญผมก็บอกเขาไปแล้วด้วยว่าผมอยู่กับพ่อติ๊ก ซึ่งพ่อติ๊กก็ไม่ได้ปิดกั้นอะไรผม เราอยู่กันแบบสัญญาใจ ท่านให้อิสระผมทำงานได้ทุกอย่าง"

วันที่เขาชวนไปทำเพลงได้มีการพูดคุยกันไหมเรื่องค่าตอบแทน ?

        เก้า เกริกพล : "อ๋อ 30-70 ครับ เขาบอกว่าเขาจะดูแลทุกอย่าง ไม่เอาเปรียบน้อง ส่วนเรื่องยูทูบเราก็มาแบ่งผลประโยชน์การ 70-30"

นอกจากเรื่อง 70-30 แล้ว ได้มีการพูดถึงค่าตัวในการทำงานนอกไหม ?

 

Sponsored Ad

 

        เก้า เกริกพล : "ค่าตัวงานนอกไม่มีครับ แต่คอนเสิร์ตมี เราตกลงกันไว้ที่ 3,000 บาท ซึ่งผมก็แจ้งเขาไปแล้วว่า 3,000 บาทมันไม่พอสำหรับการที่ผมอยู่กรุงเทพ เพราะแค่ค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าอะไรอีกมันก็น่าจะเข้าเนื้อตัวเอง ดังนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะไม่เดินทางไปดีกว่า แต่ก่อนที่ผมจะตัดสินใจว่าแบบนั้น ทางผมก็ได้แจ้งไปกับพี่เขาว่าถ้าหากค่าตัวเพิ่มอีกให้พอค่าเดินทางก็น่าจะได้ แต่พี่เขาก็ตอบกลับมาว่าทางเจ้าของงานไม่รับเนื่องจากค่าตัวเยอะเกินไป และพี่เขาไม่สามารถควักค่าตัวของตัวเองมามอบให้กับผมได้ด้วย"

Sponsored Ad

ตอนนั้นคิดไหมว่าสัญญาใจที่คุยกันจะส่งผลเสียกับเรา ณ เวลานี้ ?

        เก้า เกริกพล : "ตอนนั้นที่คุยกับพี่เขาคือผมให้ใจเขาไปทั้งหมดเลยครับ ผมผิดที่ให้ใจเขาไปทั้งหมด ผมคิดว่าเราทำงานกันแบบพี่น้อง แต่สุดท้ายมันก็เกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ"

เงิน 10,000 บาท ที่เขาบอกว่าให้เรามาเป็นค่าขนม ตอนนั้นเขาได้พูดชัดเจนไหมว่ามันคือค่าอะไร ?

        เก้า เกริกพล : "ขนาดในแชทพี่เขายังไม่บอกเลยครับว่านี่คือค่าตัวของผม เขาไม่ได้บอกอะไรเลย แต่พี่เขาโทรมาบอกว่า น้องนี่เป็นค่าเดินทางค่ากินขนมนะ ไม่ได้ชี้แจงชัดเจนว่านี่คือค่าตัวของผมนะ ผมเข้าใจแบบนั้น ซึ่งพอหลังจาก 10,000 บาทนี้ทั้งหมดก็คือสัญญาใจ หลังจาก 10,000 คือสัญญาใจครับ"

สรุปแบบนี้ได้ไหมว่าตั้งแต่ทำงานเพลงร่วมกัน ก็คือเรายังไม่ได้รับเงินจากการทำงานเลย ?

        เก้า เกริกพล : "ยังไม่ได้ค่าตัวครับ เอาง่าย ๆ เลยเพราะ 10,000 บาทนี้ ไม่ใช่ค่าตัวของผม ส่วนที่เขาโอนเงิน 20,000 บาท แล้วบอกว่าโอนค่าตัวเพิ่มมันคืออะไร ซึ่ง 20,000 บาทนี้ เขาโอนมาจริงครับแ ต่เหตุผลที่ผมไม่เอาก็เพราะเขาไม่ได้ให้ด้วยใจ แต่เขาให้พ่อผมโทรไป มันต้องมีการโทรเพื่อทวงถามก่อน"

เรายังติดใจอยู่ไหมเรื่องที่เขาพูดถึงเงิน 20,000 บาทที่โอนให้เรา แล้วเราโอนกลับ ?

        เก้า เกริกพล : "จริง ๆ ผมจบไปนานแล้วนะครับสำหรับเรื่องนี้ เพราะผมได้ยื่นเอกสารไปแล้ว และทางเขาเองก็ได้เซ็นรับแล้วเช่นเดียวกัน แต่สุดท้ายเขาก็เมิน ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดใจอะไรตรงนั้นแล้ว เพราะผมแค่อยากจะให้เราเคลียร์กันแบบดี ๆ แต่ในเมื่อพี่เขาเมินผมก็ถือว่าจบกันไปและผมเก็บเรื่องนี้เอาไว้ แต่หลังจากนั้นพี่เขาไปบอกว่าแม่ผมไปติดต่อกับเพจหนึ่งเพื่อใช้ในการโจมตีพี่เขา ซึ่งเรื่องนี้มันไม่จริงเลย แต่มันเกิดจากการที่แฟนคลับทั้งสองฝ่ายที่ด่ากันไปด่ากันมา จนทำให้ทางแอดมินเพจติดต่อมาหาคุณแม่มาและก็ถามแม่ว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไง แม่ผมก็เลยเล่าทุกอย่างไปตามความจริง จากนั้นเพจก็เอาเรื่องนี้ไปโพสและทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นจนพี่เขาเอาพ่อผมไปโพสต์บ้าง และถูกแฟนคลับพี่เขาเข้ามาด่าพ่อผม ด่ายันโคตร ด่าทุกคนในครอบครัวผมครับ"

ตัวเราเองตั้งใจจะเอาเรื่องคนที่ด่าครอบครัวเราไหม ?

        เก้า เกริกพล : "ก็มีบางคนนะครับที่เขามาขอโทษแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นผมก็อยากให้เขาใช้สื่อในทางที่ดีกว่านี้เช่นกัน อยากให้เสพข่าวให้ดีและฟังความทั้งสองฝ่าย ซึ่งใครจะเชื่อใครหรือไม่เชื่อใครก็แล้วแต่เลยครับ"

ถามถึงเรื่องค่าตัวในการออกรายการแต่ละครั้ง เขายืนยันว่าเขาไม่ได้ให้เรา 500 บาท ?

        เก้า เกริกพล : "เขาก็แช่งตัวเองไปแล้วครับ ผมยืนยันครับว่า 4 รายการ ผมสามารถพูดชื่อรายการได้ไหมครับ รายการโหนกระแส, รายการแฉ, อมรินทร์ และก็รายการซุปเปอร์หม่ำ รายการละ 500 บาท แต่สำหรับ 2 รายการหลังพอผมโทรไปหาทางทีมงานว่ามันไม่พอนะสำหรับการเดินทางเงิน 500 บาท เอาแค่นั่งแท็กซี่ไปก็หมดแล้ว ทางทีมงานก็เลยติดต่อไปทางฝั่งพี่เขา จากนั้นพี่เขาจึงโอนมาให้ผม 3,000 บาท 2 รายการ รายการละ 1,500 บาท ผมก็เลยอยากรู้ว่าถ้าพ่อผมไม่โทรไป พี่เขาก็จะให้ผม 500 บาทเหมือนเดิมใช่ไหมครับ"

ความรู้สึกตอนที่เราทราบเรื่องนี้ เรารู้สึกอย่างไรบ้าง ?

        เก้า เกริกพล : "เสียใจครับ เสียความรู้สึก เพราะทุกรายการจะเป็นพี่เขาทั้งหมดที่เป็นคนเซ็นรับเงิน ส่วนผมไม่รู้รายละเอียดเลยว่าแต่ละรายการได้เงินมาเท่าไหร่"

จริง ๆ ตอนที่เรารับเงินจากพี่เขามา 500 บาท เราได้รู้สึกเอะใจไหมว่าทำไมได้แค่นั้น ?

        เก้า เกริกพล : "ก็คือผมเป็นเด็กไงครับ ผมเลยไม่อยากพูดมากแล้วแต่เขาจะให้ดีกว่า อีกอย่างเขาเองก็บอกด้วยว่าที่เขาต้องให้เงิน 500 บาท ก็เป็นเพราะเขาพาคนมาเยอะ ก็แล้วแต่เขาครับ ก็ว่าไปตามนั้น"

ตัวเราเองต้องการอะไรจากเรื่องนี้ ?

        เก้า เกริกพล : "ผมอยากให้พี่เขาออกมาพูดความจริง แต่สิ่งที่พี่เขาพูดมาเขายืนยันแล้ว เขาแถลงแล้วว่ามันเป็นแบบนั้น ดังนั้นทางตัวผมเองก็จะขอยืนยันตรงนี้เหมือนกันว่าผมพูดความจริงทุกอย่างไปหมดแล้ว ส่วนมันจะเป็นอย่างไรต่อก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ครับ"

จริง ๆ เรายังอยากได้เงิน 70-30 ที่เป็นสัญญาใจตั้งแต่แรกอยู่ไหม ?

        เก้า เกริกพล : "ไม่เลยครับ ตอนนี้มันอยู่ที่ประเด็นของพ่อแล้วเอาพ่อผมมาแขวนให้คนอื่นด่า ผมให้พี่เขาออกมาพูดความจริง ให้โอกาสพี่เขาออกมาพูดความจริงแล้ว แต่พี่เขาก็เป็นแบบนั้น ดังนั้นก็แล้วแต่ผู้ใหญ่เลยครับว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป"

ถ้าเขาเสนอเงินมาให้จบปัญหาเราจะโอเคไหม ?

        เก้า เกริกพล : "ผมอยากให้เขาออกมายอมรับความจริงก่อนครับ ถ้าหากวันนั้นพี่พูดความจริงทุกเรื่องและออกมารับผิดชอบในส่วนที่พี่เขาได้ทำผิดพลาด ผมคิดว่าเรื่องมันก็น่าจะจบตั้งแต่วันนั้นแล้ว"

ทำไม 1 ปีที่ผ่านมาเราถึงต้องยอมทนไม่พูดอะไรเลย ?

        เก้า เกริกพล : "อย่างที่บอกครับ ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องเงิน 70 -30 แล้ว แต่มันเป็นเรื่องของการที่มีคนมาว่าพ่อผม เอาคนอื่นมาด่าพ่อผม ส่วนเรื่องที่บอกว่าทำไมผมถึงไม่ฟ้องตั้งแต่แรก ก็อย่างที่ผมบอกไปแล้วอีกเหมือนกัน ผมได้ยื่นเอกสารไปให้พี่เขาแล้ว แต่พี่เขาเมินดังนั้นผมก็เลยคิดว่าผมจบแค่นั้นดีกว่า ผมได้รู้ใจคนแล้วว่าเขาเป็นยังไง"

แต่วันนั้นเหมือนเขาบอกว่าเขาไม่ได้รับเอกสาร เอกสารส่งไปผิดที่อยู่หรือเปล่า ?

        เก้า เกริกพล : "แต่เอกสารมีคนรับแล้วครับ มีคนเซ็นรับแล้วครับ ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่มีการเซ็นรับเกิดขึ้นแล้วครับ"

ด้วยความที่เราไม่มีเอกสารอะไรเลยตั้งแต่ต้นกลัวไหมว่าดำเนินคดีไปสุดท้ายแล้วเราจะไม่ได้รับผลประโยชน์อะไรเลย ?

        เก้า เกริกพล : "จริง ๆ ผมก็ไม่ได้มีความรู้ในส่วนตรงนี้นะครับ แต่ก็มีทนายหลายท่านเหมือนกันที่เข้ามาให้ความรู้ผมด้านนี้พอสมควรเลย"

ถ้ามีรายการติดต่อให้เรากับเจนนี่ไปออกรายการด้วยกันเรายินดีไหม ?

        เก้า เกริกพล : "มาเลยครับ ผมพร้อม ผมก็พร้อมตลอด ตอนไหนก็ได้ มาพูดความจริงกันเลย ผมไม่กลัวอยู่แล้วความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย ผมไม่กลัว มาเลยครับ สาบานเลยก็ได้ ผมจะพาพี่เขาไปสาบานที่วัดที่พี่เขานับถือ ผมเองก็เป็นลูกหลานเหมือนกันถ้าไปสาบานด้วยกันได้เลยครับ"

ตัวเราเองเราคิดว่าเราถูกโกงไหม ?

        เก้า เกริกพล : "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน น่าจะโดนโกงล่ะครับ แต่ก็อยู่ที่คำพูดของคนด้วย สัญญาของคนด้วย"

มีอะไรจะฝากถึงเจนนี่ผ่านสื่อบ้างไหม ?

        เก้า เกริกพล : "ออกมาพูดความจริงเถอะครับ ทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับผิดนะ ถ้ามีส่วนไหนที่ผมผิด ผมก็ยินดียอมรับผิดเช่นกัน แต่ผมเชื่อมั่นในตัวเองว่าสิ่งที่ผมพูดออกไปทั้งหมดคือเรื่องจริง ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อผมก็ไม่โกรธ แต่ผมอยากให้ทุกคนเสพข่าวดี ๆ อย่าด่ากันไปด่ากันมา เพราะมันไม่มีประโยชน์"

ตั้งแต่เริ่มมีเรื่องเขาได้ติดต่อมาหาคุณพ่อเราบ้างไหม ?

        เก้า เกริกพล : "มีแต่ติดต่อมาตอนที่จะให้ผมไปเซ็นสัญญาครับ แต่ผมไม่ไป เขาติดต่อมาตั้งแต่ช่วงที่เพลงดังใหม่ ๆ เลย แต่หลังจากนั้นมาก็ไม่ได้มีการติดต่อพูดคุยถึงเรื่องนี้เลย เรื่องที่เขาให้สัญญาไว้ไม่ได้มีการติดต่อเลยครับ หายไปเลย แต่จริง ๆ ก็มีนะครับเป็นผู้ใหญ่ฝั่งเขาโทรมาเคลียร์ โทรมาขอเคลียร์กับฝั่งผม ก็อย่างที่บอกฝั่งผมก็ให้อภัย ผมให้โอกาส ให้เขาออกมาพูดความจริง แต่สิ่งที่พี่เขาอยากจะเคลียร์เขาไม่ได้ต้องการจะเคลียร์เลย เขาแค่ต้องการจะปัดปัญหาอย่างเดียวครับ"

ถ้าตอนนี้เราจะต้องทำงานร่วมกันกับพี่เขา เราคิดว่าสามารถทำได้ไหม ?

        เก้า เกริกพล : "ยากนิดหนึ่งครับ เพราะขนาดเรามีเรื่องกันแล้วเขายังจะติดต่อให้ผมไปเป็นเพราะเอกมิวสิควิดีโอของน้องเขาเลย"

เรื่องนี้เธอเป็นบทเรียนสำหรับเราเลยไหม ?

        เก้า เกริกพล : "บทเรียนครั้งใหญ่เลยครับ ต้องมองคนให้ดี"

สัญญาใจไม่มีจริงใช่ไหม ?

        เก้า เกริกพล : "สัญญาใจไม่มีจริง แต่ก็มีจริงครับ"

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<

ที่มา : NineEntertain Official, sanook, เฟซบุ๊ก รัชนก สุวรรณเกตุ, เฟซบุ๊ก เกริกพล เพชรรัตน์

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ