เปิดชีวิต "เจ้าหญิงองค์สุดท้าย" ผู้ไม่เคยได้รับการยอมรับ เพียงเพราะเป็นชาวต่างชาติ

คอมเมนต์:

ต่อให้ทำดีแค่ไหนสุดท้ายก็ถูกลืม.. เจ้าหญิงผู้เป็นที่รักของประชาชน แต่กลับไม่เป็นที่ปลื้มของราชวงศ์

        เว็บไซต์ต่างประเทศได้เปิดเผยเรื่องราวของ "จูเลีย มุลล็อก" (Julia Mullock) หญิงชาวอเมริกัน ผู้ได้รับสมญานามว่าเป็น "เจ้าหญิงองค์สุดท้ายแห่งเกาหลี" 

        จูเลีย เป็นหญิงชาวอเมริกัน เชื้อสายยูเครน เกิดที่รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ก่อนชีวิตของ จูเลีย จะพลิกผันได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์เกาหลี ด้วยการเป็นพระชายาของ "เจ้าชายอี" ในราชวงศ์โชซอน แห่งเกาหลี

 

Sponsored Ad

 

        ในอดีต จูเลีย เคยทำงานเป็นสถาปนิก อยู่ที่บริษัทเกี่ยวกับด้านสถาปัตยกรรมในนครนิวยอร์ก จากนั้นในช่วงปี พ.ศ. 2493 เธอก็ได้พบกับ เจ้าชายอี ที่ขณะนั้นเพิ่งทรงจบการศึกษาด้านสถาปัตยกรรม จากสถาบันเทคโนโลยี ในประเทศสหรัฐอเมริกา 

 

Sponsored Ad

 

        หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ได้เริ่มต้นสานสัมพันธ์รัก โดยเจ้าชายอีพยายามที่จะตรัสประโยคภาษายูเครนที่ตรัสได้เพียงน้อยนิดเพื่อสร้างความประทับใจแรกแก่จูเลีย ซึ่งสิ่งนี้ได้ผลจริง ๆ 

        และจากนั้นปี พ.ศ. 2502 ทั้งคู่ก็ได้เสกสมรสที่โบสถ์คาทอลิกยูเครนนักบุญจอร์จ ในนครนิวยอร์ก แต่ไม่ใช่พิธีเสกสมรสอย่างเป็นทางการภายใต้ขนบธรรมเนียมประเพณีของเกาหลี ทำให้จูเลียไม่ได้รับการยอมรับในฐานะสมาชิกของราชวงศ์อย่างเป็นทางการ และไม่มีชื่ออยู่ในทะเบียนของราชวงศ์

 

Sponsored Ad

 

        ต่อมา จูเลีย ได้ตามเสด็จ เจ้าชายอี กลับประเทศเกาหลี โดยประทับอยู่ภายในพระราชวังในโซล และจูเลียก็ได้รับการเรียกขานว่า "เจ้าหญิงจูเลีย อี แห่งเกาหลี" จากนั้น จูเลีย ก็เริ่มต้นปฏิบัติพระราชกรณียกิจช่วยเหลือสังคมเรื่อยมา เธอปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเจ้าหญิงองค์สุดท้ายแห่งเกาหลีได้อย่างสมบูรณ์ ได้ช่วยเหลือคนยากไร้คนจนมากมายในประเทศเกาหลี และเด็กยากไร้ในเกาหลีต่างรักและเคารพและยกย่องเธอเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเรียกเธอว่า "แม่" อีกด้วย

        กระทั่งในปี พ.ศ. 2523 จูเลีย ซึ่งไม่สามารถมีทายาทได้ และต้องเผชิญแรงกดดันจากราชวงศ์เกาหลี ประกอบกับได้รับแรงกดดันในขณะที่เป็นเจ้าหญิง เนื่องจากเธอเป็นคนชาติตะวันตก จูเลียจึงไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นสมาชิกราชวงศ์ จนในที่สุดจูเลียก็ต้องหย่ากับเจ้าชายอี

 

Sponsored Ad

 

        ทั้งนี้ในช่วงชีวิตสมรส เมื่อช่วงต้นปี พ.ศ. 2503 จูเลีย ได้เคยไปใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับเจ้าชายอี ที่ฮาวาย โดยเธอได้ปรนนิบัติดูแลพระสวามีอย่างดี ทำให้ที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยความทรงจำดี ๆ มากมาย 

        ภายหลังจากหย่า จูเลียจึงได้ตัดสินใจเดินทางไปใช้ชีวิตที่เหลือที่นั่น และเธอยังคงคิดถึงและเฝ้ารอจดหมายจากอดีตพระสวามีอยู่เสมอ กระทั่งเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2548 เจ้าชายอีสิ้นพระชนม์ แต่น่าเศร้า.. จูเลียไม่ได้รับเชิญให้ไปร่วมพิธีแต่อย่างใด เธอต้องแอบกล่าวคำลาอดีตพระสวามีที่รักจากที่ห่างไกล จนเมื่อผู้คนจากไป จูเลียถึงจะสามารถเข้าไปเคารพพระศพของเจ้าชายอีได้

 

Sponsored Ad

 

        อย่างไรก็ดีแม้ว่าจูเลียจะถูกเรียกว่าเป็นเจ้าหญิง แต่เธอไม่เคยได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการเลย เพียงเพราะเลือดของเธอไม่ใช่คนเกาหลี 

        กระทั่งเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2560 เธอได้จากไปอย่างโดดเดี่ยวและน่าเศร้า ด้วยวัย 94 ปี ในรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา แต่ทั้งนี้สิ่งที่เธอได้ปฏิบัติมาตลอดช่วงชีวิตได้แสดงให้เห็นว่า เธอได้ทำหน้าที่เจ้าหญิงองค์สุดท้ายแห่งเกาหลีได้เป็นอย่างดีที่สุด

 

Sponsored Ad

 

        ลี นัม จู อดีตศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยหญิงซังชิน ในกรุงโซล เกาหลีใต้ และเป็นเพื่อนสนิทของ จูเลีย ได้เปิดเผยว่า "จูเลียมีชีวิตในช่วงบั้นปลายอย่างโดดเดี่ยว เธอจากไปอย่างสงบและเดียวดายบนเตียงของโรงพยาบาล เธอป่วยหนักและอ่อนแรงมาก ทำให้เธอไม่สามารถโทรศัพท์บอกใครได้" เพื่อนสนิทของ จูเลีย กล่าว

ที่มา : theseoultimes

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ