ดราม่าเดือด ไลฟ์โค้ชโชว์เก๋า สอนร้านอาหารยิ้มสู้วิกฤต หลังเจอประกาศด่วน ทำสต๊อกพังไม่เป็นท่า

คอมเมนต์:

ร้านอาหารเดือด หลัง #ไลฟ์โค้ช โชว์เก๋า แนะนำชิลๆเหนือปัญหา ให้ยิ้มสู้หลังเจอประกาศด่วน ทำสต๊อกพังไม่เป็นท่า

    หลังจากที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งนายกฯ ออกประกาศ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 25) มีมาตรการเร่งด่วนควบคุมสูงสุดและเข้มงวดในเขตพื้นที่ กทม.และปริมณฑลรวมทั้งสิ้น 10 จังหวัด

    ซึ่งประกาศดังกล่าวออกในช่วงเวลา 01.00 น. ของวันที่ 27 มิ.ย. มีผลบังคับใช้วันที่ 28 มิ.ย. ทำให้การจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ทั้งในห้าง ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ศูนย์แสดงสินค้า ศูนย์ประชุม โรงแรม ท่าอากาศยาน สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต รถเข็น แผงลอย ตลาด ตลาดนัด ที่จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม ให้เปิดดำเนินการเฉพาะนำกลับไปบริโภคที่อื่นเพียงเท่านั้น

 

Sponsored Ad

 

    งานนี้ทำเอาผู้ประกอบการร้านอาหารหลายแห่ง ไม่สามารถเคลียร์สต๊อกสินค้าได้ทันและน่าจะเกิดความเสียหายซ้ำเติมสถานการณ์ที่ต้องเจอในตอนนี้ขึ้นไปอีก เพราะร้านอาหารเพิ่งสามารถให้นั่งรับประทานในร้านได้ไม่นานนัก โดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์ที่ต้องปิดไปนาน

 

Sponsored Ad

 

    แต่งานนี้ก็ทำเอาโลกโซเชียลเดือดเลยทีเดียว เมื่อมีไลฟ์โค้ชคนหนึ่ง ได้โพสต์ถึงวิธีรับมือมาตรการปิดร้านอาหาร โดยบอกว่า ถ้าตัวเองมีธุรกิจร้านอาหารสิ่งที่ต้องทำและเร็วที่สุดคืออะไรบ้าง ซึ่งก็มีคนตอกกลับทีละข้อแบบเจ็บแสบ โดยเฉพาะข้อที่บอกว่า ยิ้มสู้กับทุกอย่างที่เข้ามา เจ้าของและพนักงานต้องช่วยกัน

    ทั้งนี้ฝั่งผู้ประกอบการร้านอาหารเองก็ได้ออกมาโต้เดือดในกรณีนี้ว่า เรื่องที่ไลฟ์โค้ชรายดังกล่าวระบุ เป็นเรื่องที่ร้านอาหารต่างทราบดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ร้านอาหารต้องสต๊อกสินค้า อย่างน้อย 3 -7 วัน การที่ประกาศอย่างเร่งด่วน และไม่มีเวลาให้ร้านอาหารเตรียมตัว คือ หายนะเท่านั้น

 

Sponsored Ad

 

    งานนี้เลยโดนชาวโซเชียลรุมสวดเข้าไปอีก โดยบอกว่า ก็แค่ไลฟ์โค้ชที่หิวแสงไม่เคยทำธุรกิจ แต่สาระแนมาสอนทำธุรกิจ ทฤษฎีลวงโลก ดีแต่พูด ไม่ได้มาอยู่ในสภาพที่ร้านอาหารต้องเผชิญอยู่นี่นา ตัวเองไม่ได้ทำร้านอาหารด้วยซ้ำ โง่ก็แค่เงียบ จากใจคนค้าขายสถานการณ์ที่ต้องเจอของจริงกับสิ่งที่คุณพูดมันใช้ไม่ได้ ช่างกล้าสอนคนอื่น 

.

.

ที่มา : ข่าวร้อนโซเชียล

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ