เปิดประวัติ "คามาลา แฮร์ริส" สตรีอเมริกัน-เอเชีย ผู้สร้างประวัติศาสตร์ รองประธานาธิบดีหญิงคนแรก

คอมเมนต์:

เธอคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ

หมายเหตุ : สามารถรับชมคลิปเต็มได้ที่ด้านล่างบทความค่ะ

        ทราบผลกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา 2020 ที่เพิ่งผ่านไปสด ๆ ร้อน ๆ ว่า "โจ ไบเดน" (Joe Biden) สามารถคว้าชัยชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ไปได้ และกำลังเตรียมขึ้นนั่งเก้าอี้ตำแหน่งผู้นำสหรัฐอเมริกา

        และอีกหนึ่งคนสำคัญคือ "คามาลา แฮร์ริส" (Kamala Harris) วุฒิสมาชิกจากรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้ได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกา เธอกำลังจะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสหรัฐอเมริกา เป็นรองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐอเมริกา ทั้งยังเป็นผู้มีเชื้อชาติเอเชียใต้และชาวผิวสีคนแรกที่ได้รับเลือกในตำแหน่งนี้

 

Sponsored Ad

 

        คามาลา แฮร์ริส เกิดที่เมืองโอ๊คแลนด์ในรัฐแคลิฟอร์เนีย บิดาและมารดาของเธอเป็นผู้อพยพทั้งคู่ โดยมีบิดาเป็นชาวจาไมก้า มาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และได้รับปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ และมารดาเป็นชาวอินเดีย เข้ามาทำงานที่สหรัฐอเมริกา เป็นนักชีววิทยาและนักวิจัย ก่อนที่บิดาและมารดาของเธอจะแยกทางกันตอนเธออายุ 5 ขวบ และเธอเติบโตมากับแม่เลี้ยงเดี่ยว

 

Sponsored Ad

 

        คามาลา แฮร์ริส เธอจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในกรุงวอชิงตัน และจบด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย

 

Sponsored Ad

 

        คามาลา แฮร์ริส ได้รับเลือกตั้งเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองระดับท้องถิ่นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2003 ในฐานะอัยการเขตนครซานฟรานซิสโก และหลังจากนั้นอีกเจ็ดปีต่อมา คือในปี ค.ศ. 2010 เธอก็ได้รับเลือกเป็นอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย

        คามาลา แฮร์ริส ก้าวเข้าสู่เวทีการเมืองระดับชาติของสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 2016 โดยได้รับเลือกเป็นหนึ่งในสองวุฒิสมาชิกสตรีผู้เป็นตัวแทนของรัฐแคลิฟอร์เนีย และถึงแม้จะอยู่ในตำแหน่งดังกล่าวมาได้เพียง 4 ปี เธอก็ถูกจัดอยู่ในกลุ่มบุคคลที่โดดเด่นของพรรคเดโมแครต

 

Sponsored Ad

 

        และในค่ำคืนวันที่ 7 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา หลังจากที่ผลการเลือกตั้งประกาศออกมาอย่างไม่เป็นทางการ คามาลา แฮร์ริส ก็ได้ออกมากล่าวสุนทรพจน์ครั้งแรกในฐานะว่าที่รองประธานาธิบดี ที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่เหล่าเยาวชนและผู้คนทั่วโลก ในการพูดครั้งนี้เธอกล่าวถึงคุณแม่ของเธอที่ล่วงลับไปแล้ว 

 

Sponsored Ad

 

        ซึ่งคุณแม่ของเธอเชื่อมั่นมาตลอดว่าในอนาคต ผู้หญิงจะมีบทบาทที่ยิ่งใหญ่ในประเทศแห่งความเป็นไปได้แห่งนี้ "ฉันคิดถึงคำพูดของคุณแม่เกี่ยวกับเหล่าผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงผิวสี เอเชีย ผิวขาว หรือผู้หญิงอเมริกัน ผู้ปูเส้นทางให้เกิดประวัติศาสตร์ในค่ำคืนนี้ ผู้หญิงที่ต่อสู้และเสียสละเป็นอย่างมากเพื่อความเท่าเทียม เสรีภาพและความยุติธรรม รวมถึงผู้หญิงผิวสีที่มักจะถูกมองข้ามอยู่บ่อย ๆ แต่ตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าพวกเธอคือกระดูกสันหลังของประชาธิปไตย"

        "แม้ว่าฉันอาจจะเป็นผู้หญิงคนแรกในตำแหน่งนี้ แต่ฉันจะไม่ใช่คนสุดท้าย เพราะเด็กผู้หญิงทุกคนที่กำลังเฝ้าดูในคืนนี้ จะเห็นว่านี่คือประเทศแห่งความเป็นไปได้ และสำหรับเด็ก ๆ ในประเทศของเรา ไม่ว่าคุณจะเป็นเพศใดก็ตาม ประเทศของเราได้ส่งข้อความที่ชัดเจนให้คุณ ฝันด้วยความทะเยอทะยาน ก้าวไปด้วยความเชื่อมั่น และมองเห็นตัวเองในทางที่คนอื่นอาจไม่เห็น เพราะพวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ขอให้รู้ไว้ว่าเราจะสรรเสริญชื่นชมคุณในทุกย่างก้าว" เธอกล่าว

 

Sponsored Ad

 

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<

        ก่อนหน้านี้ คามาลา แฮร์ริส คือหญิงผิวสีคนเดียวที่เข้าไปต่อสู้ชิงชัยในสังเวียนการลงสมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เธอตัดสินใจลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และเธอได้ดีเบตตอบโต้ โจ ไบเดน อย่างดุเดือด ก่อนต่อมาเธอจะออกจากการแข่งขันในฐานะผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครต กระทั่งวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา โจ ไบเดน ได้เลือกเธอเป็นคู่ชิงลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่ง โจ ไบเดน กล่าวว่า "คามาลา แฮร์ริส เป็นนักสู้ที่กล้าหาญ และเป็นผู้รับใช้สาธารณะที่ดีที่สุดคนหนึ่งของประเทศ"

Sponsored Ad

        จนล่าสุดเมื่อ โจ ไบเดน สามารถคว้าชัยชนะจากการเลือกตั้งครั้งนี้ไปได้ ก็ส่งผลให้ คามาลา แฮร์ริส สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ กลายเป็นผู้หญิงคนแรก เป็นชาวผิวสีคนแรก และเป็นผู้มีเชื้อชาติเอเชียใต้คนแรก ที่กำลังจะได้นั่งเก้าอี้ตำแหน่ง "รองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา"

        และเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา เธอได้ทวีตวิดีโอของตัวเอง ขณะโทรศัพท์กับ โจ ไบเดน หลังจากทราบผลการเลือกตั้งไม่นาน แฮร์ริสกล่าวยินดีกับไบเดน "เราทำได้แล้วเราทำได้แล้ว โจ..คุณกำลังจะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไปของสหรัฐอเมริกา" คลิปดังกล่าวมีผู้กดถูกใจมากกว่า 3 ล้าน และถูกรีทวิตต่อเกือบ 8 แสนในเวลารวดเร็ว

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<

ที่มา : bbc, edition, Guardian News, Twitter @KamalaHarris

บทความที่คุณอาจสนใจ