จะเรียกว่าเป็นบุพเพสันนิวาสก็ได้ เพราะเหตุการณ์นี้ทำให้เด็กทั้งสอง ที่ต่างเชื้อชาติ ต่างทวีป อยู่กันคนละซีกโลกได้พบรักกัน โดยที่หนูน้อยทั้ง 2 คนไม่เคยรู้เลยว่า โชคชะตาจะกำหนดให้เขาได้มาพบรักในอีก 15 ปีต่อมา

    ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 2000 เด็กชายคนหนึ่งมีชื่อ ไทเลอร์ วูล์ฟ (Tyrel Wolfe) อายุ 7 ขวบ ชาวอเมริกันจากรัฐไอดาโฮ ได้เข้าร่วมงานการกุศลเพื่อจะส่งของขวัญวันคริสมาตส์ให้กับเด็กทั่วโลก และคนที่ได้รับของขวัญของหนุ่มน้อยไทเลอร์ก็คือ เด็กหญิงชาวฟิลิปปินส์ ที่มีชื่อว่า โจอาน่า มาร์ชาน

    บนของขวัญจะมีข้อมูลของผู้ส่งติดอยู่ด้วย ซึ่งจะมีรูปของเด็กชาย พร้อมกับที่อยู่ที่ระบูอย่างชัดเจน เพื่อว่าใครก็ตามที่ได้รับของขวัญจะเขียนจดหมายกลับมาขอบคุณ และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวนี้

    ของขวัญที่เด็กชายได้ส่งไปให้นั้น เป็นกล่องธรรมดา ๆ ที่ใช้ใส่รองเท้าและอุปกรณ์การเรียนที่คิดว่าทุกคนต้องมี พร้อมกับแนบรูปชุดคาวบอยของตัวเองส่งไปด้วย 

    จนกระทั่วเวลาผ่านไป 9 ปี ในยุคที่โซเชียลมีเดียกำลังเติบโต โจอาน่า ก็ตัดสินใจที่จะตามหาเด็กชายที่เคยส่งของขวัญมาให้ผ่านทางเฟสบุ๊ก 

    เธอลองใช้ชื่อ Tyrel Wolfe ที่เป็นชื่อของเด็กชายค้นหาอยู่นานก็พบว่ามันมีคนชื่อนี้เยอะมาก แต่ในที่สุดเด็กน้อยก็ตามหาเขาจนเจอ และได้ส่งคำขอเป็นเพื่อนไป แต่เด็กชายก็ไม่สนใจ จนผ่านไปหลายเดือน เด็กชายก็กดรับเพื่อน

    โจอาน่า ก็ได้ทักไปหาเด็กชายคนนั้นพร้อมกับบอกว่า เธอคือเด็กคนที่ได้รับของขวัญเมื่อ 9 ปีก่อน แน่นอนว่า ไทเลอร์นั้นลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่พอได้เห็นข้อความของโจอาน่าเขาก็รู้สึกดีใจที่ของขวัญของเขาได้ส่งไปถึงมือเด็กต่างประเทศจริง ๆ

    โจอาน่าได้บอกว่า ตอนนั้นเธอได้เขียนจดหมายขอบคุณส่งไปหาไทเลอร์แล้ว แต่ไม่เห็นจดหมายตอบกลับมา เลยคิดว่าจดหมายอาจจะส่งไปไม่ถึง

    หลังจากตามหากันจนเจอ ทั้งสองคนก็ได้เริ่มพูดคุยและติดต่อกันมากขึ้น ทั้งสองคนส่งภาพถ่ายหากน พูดคุยบอกเล่าเรื่องราวให้กันและกันมากขึ้น และมันน่าแปลกที่ชีวิตเด็กทั้งสองคนนี้มีไลฟ์สไตล์ที่เหมือนกัน ชอบฟังเพลง ชอบเล่นดนตรีเหมือนกันด้วย

    แม้ว่าเวลาจะห่างกันถึง 15 ชั่วโมง แต่ไม่ใช่อุปสรรคในความสัมพันธ์ครั้งนี้ พวกเขายังคงพูดคุยแต่ติดต่อกันจนผ่านในปี 2013 ไทเลอร์ในวัย 20 ปี ก็ตัดสินใจใช้เงินเก็บในชีวิตบินไปหาเด็กสาวคนนี้ที่ฟิลิปปินส์

    ไทเลอร์ไม่เคยเดินทางคนเดียวมาก่อนในชีวิต แต่เพื่อไปหาโจอานาเขาก็เลยเปิดประสบการณ์ซะเลย ตอนนั้นทั้งสองคนตื่นเต้นมาก เพราะเพื่อนชาวต่างชาติในเคยส่งของขวัญในวันเด็กกำลังจะได้พบกันจริง ๆ สักที เด็กสาวบอกว่า “ฉันดีใจจนร้องไห้ออกมาเลยล่ะ”

    เมื่อทั้งสองคนได้พบกันที่สนามบินครั้งแรก ทั้งสองต่างตกหลุมรักกันและกัน นั่นเลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทั้งสองคบหาดูใจกัน

    ไทเลอร์ได้ไปอยู่บ้านของโจอาน่า เพื่อเรียนรู้เรื่องราวชีวิตของเธอให้มาก พอได้เห็นก็รู้ว่าเธอนั้นลำบากขนาดนี้ เธอต้องใช้ชีวิตในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่มีญาติอีก 8 คน เธอต้องนอนกับพื้นบ้าน นั่นเลยทำให้ไทเลอร์รู้สึกเห็นใจเธอมาขึ้น

    ไทเลอร์อยู่ที่ฟิลิปปินส์ประมาณ 10 วัน นั่นก็เพียงพอที่จะเรียนรู้ชีวิตเธอมากแล้ว และเขาก็กลับประเทศตัวเองไป พร้อมกับบอก “ผมสัญญาจะกลับมาหาอีก”

    และผ่านไปไม่นาน เขาก็ทำตามสัญญาให้ที่ไว้ และครั้งนี้เขากลับไปหาเธอเพื่อขอแต่งงาน คุณพ่อของเธอยินยอมให้ แต่คุณแม่กลับไม่ยอม เพราะคิดว่าทั้งสองคนยังเด็กเกินไปที่จะใช้ชีวิตคู่ แต่ไทเลอร์ก็ไม่ยอมครั้งนี้เขาพาคุณพ่อมาด้วย และให้คุณพ่อเป็นคนโน้มน้าวเพื่อให้คุณแม่ของแฟนสาวตกลง

    ในที่สุดความรักในครั้งนี้ของหนุ่มสาวก็สมหวัง ทั้งคู่จัดงานแต่งงานที่ฟิลิปปินส์เพื่อสู่ขอโจอาน่า และอีก 6 สัปดาห์ก็บินไปจัดงานที่ไร่ในบ้านไทเลอร์ ทั้งสองเริ่มต้นชีวิตใหม่ในไอดาโฮ และเขายังทำให้ความฝันของเธอที่อยากจะมีชีวิตอยู่ในชนบทเป็นจริง

    ในรูปถ่ายงานแต่งงาน  Joana ได้สวมใส่ชุดแต่งงานสไตล์ตะวันตกที่สวยงาม เจ้าบ่าวTyrel สวมใส่ชุดแต่งงานแบบดั้งเดิมของฟิลิปปินส์ 

    คำขอในวันแต่งงานคือการให้แขกที่มาร่วมงานส่งของขวัญผ่านองค์กรการกุศล Operation Christmas Child เพราะองค์กรนี้ทำให้ทั้งสองได้พบเจอกัน และมันจะเป็นของขวัญให้เด็กน้อยอีกหลายคนทั่วโลกได้...

    ปัจจุบันทั้งสองคนก็ยังคงเข้าร่วมงานการกุศลนี้ด้วยการส่งของขวัญให้เด็กยากไร้ทั่วโลกอยู่เสมอ... เพราะสิ่งล้ำค่ามากกว่าของขวัญที่ทั้งสองได้รับนั่นก็คือความรักดีดีที่มีอยู่จริงได้เกิดขึ้น โชคชะตาทำให้ทั้งสองคนได้มาเจอกัน นี่สินะที่โบราณเขาเรียกว่า.. “คู่กันแล้วก็คงไม่แคล้วกันหรอก”

.

ที่มา : ไลค์เกอร์ดอทคอม, สารพันคนท้อง