ในสมัยโบราณการสืบทอดตระกูลเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นรากฐานของระบบการมีภรรยาหลายคนในสมัยโบราณจึงเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป และดูเหมือนจะกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว ดังคำกล่าวที่ว่า: “ความกตัญญูกตเวทีที่สาม ก็คือการมีทายาทสืบสกุล”

.

    สื่อนอกเผยเรื่องราวของ เหมยหลานฟาง นักอุปรากรจี หรือ ที่เราเรียกว่านักแสดง “งิ้ว” (เปรียบเสมือนดาราสมัยนี้) เหมยหลานฟาง เคยมีภรรยามาแล้ว 3 คน คือ หวังหมิงฮวา,ฟู่จือฟาง,ม้งเสี่ยวตง หวังหมิงฮวา เกิดในครอบครัวศิลปิน นักแสดง อุปรากรที่ชื่อ หลีหยวน ส่วนอีกสองคนเป็นศิลปินรุ่นน้องของเขา ส่วน ม้งเสี่ยวตง มีชื่อเสียงในการแสดงงิ้วไม่แพ้เหมยหลานฟางเลย จะเห็นว่า ชายคนนี้หาภรรยาที่อยู่ในแวดวงเดียวกัน

    จากการแนะนำของผู้หลักผู้ใหญ่ ทำให้เหมยหลานฟางได้รู้จักกับภรรยาคนแรก หวังหมิงฮวา จากการจัดการของผู้ใหญ่ สุดท้ายทั้งคู่ก็ได้แต่งงานกัน ซึ่งตอนนั้นเธออายุ 17 ปี อายุน้อยกว่าสามีเพียง 1 ปี ในตอนนั้นเธอยังไม่มีชื่อเสียงเท่าไหร่ แต่หลังจากแต่งงานไม่นาน เธอก็มีลูกชาย 1 หญิง 1 ให้กับสามี ทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก ต่อมาสามีของเธอก็เริ่มงานยุ่งมาก เนื่องจากมีงานการแสดงเข้ามามากมาย หวังหมิงฮวาก็คอยเคียงข้างดูแลสามีเสมอมา คอยแต่งหน้า แต่งตัวให้ ติดตามสามีไปทุกที่ที่จะไปแสดง

    สุดท้ายพวกเขาก็ตัดสินใจว่าจะทำหมัน โดยการให้หวังหมิงฮวาเป็นคนทำหมัน แต่สิ่งที่พวกเขาคิดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อลูกชายและลูกสาวของพวกเขาล้มป่วยและจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร ทำให้หวังหมิงฮวาเครียดและรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า ไม่พูดไม่คุยจนส่งผลต่อสุขภาพ ในตอนนั้นเธอก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมองว่า จะหาภรรยาอีกคนให้สามี และอีกสาเหตุหนึ่งก็เพราะตนเองไม่สามารถดูแลสามีได้ทุกที่ เนื่องจากสุขภาพเริ่มแย่ไม่เหมือนแต่ก่อน 

    ในตอนนั้นเองก็บังเอิญมาก หวังหมิงฮวาก็พบคนที่เหมาะสมมาก นั่นก็คือ ฟู่จือฟาง ซึ่งตอนนั้นเธออายุแค่ 16 ปีเท่านั้น อายุน้อยกว่าเธอไป 13 ปี หญิงสาวคนนี้ทั้งสวยและรูปร่างดีมาก หลังจากที่ได้ทำความรู้จักสักพักก็รู้สึกว่า ฟู่จือฟาง เหมาะที่จะเป็นภรรยาอีกคนของสามีมาก หลังจากที่ทั้งสามีและ ฟู่จือฟางต่างก็ยินยอม จึงแต่งเธอเข้าบ้าน

(ซ้าย หวังหมินฮวา  ขวา ฟู่จือฟาง)

    พ่อแม่ของฟู่จือฟางรู้ดีว่านี้เป็นโชคดีของลูกสาว และคอยสั่งสอนให้ลูกสาวอย่าลืมบุญคุณของหวังหมิงฮวา ต้องเคารพพวกเขาอย่างสุดใจ และยังบอกอีกว่า “ถ้าฟู่จือฟางแสดงท่าทีอ่อนน้อมต่อหวังหมิงฮวา ก็จะได้รับความเอ็นดู และความเมตตาจากเธอ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ตำแหน่งของฟู่จือฟางในตระกูลเหมยก็จะมั่นคง และถ้าหากแสดงความเคารพต่อหวังหมิงฮวา พวกเขาก็จะไม่กล้าที่จะกลั่นแกล้งหรือสร้างความลำบากใจให้เธออีกด้วย”

    เมื่อฟู่จือฟางแต่งเข้าตระกูลเหมยได้ไม่นานก็ตั้งครรภ์ ถือเป็นลูกคนแรกของตระกูลเหมย ต่อจากนี้ไปก็จะถูกเลี้ยงดูโดยภรรยาคนแรก ส่วนฟู่จือฟางก็เป็นได้แค่แม่นมที่คอยให้นมเท่านั้น ตามประเพณีแล้ว ภรรยาคนแรกต้องเป็นคนเลี้ยงดูดั่งลูกตนเอง

    ในตอนแรกที่หวังหมิงฮวาอุ้มลูกของฟู่จือฟางก็รู้สึกตื่นเต้นและดีใจเป็นอย่างมาก เธอก็เคยเป็นแม่คนมาก่อน เธอรู้ดีว่าการเลี้ยงลูกคนหนึ่งนั้นยากลำบากมาก และความผูกพันธ์ระหว่างแม่ลูกนั้นก็มากมายเหลือเกิน หากเธอเอาลูกของคนอื่นมาเลี้ยงดูแบบนี้ก็จะทำให้ฟู่จือฟางทุกข์ใจเท่านั้น เอาใจเขามาใส่ใจเรา เธอจึงรอให้ฟู่จือฟางอยู่ไฟให้ครบเดือน แล้วจึงจะเอาลูกไปคืนให้เธอเลี้ยงดูลูกจนเติบใหญ่ ฟู่จือฟางเมื่อรู้ดังนั้นก็ดีใจมาก และสัญญาว่า ต่อจากนี้ไป หากเธอคลอดลูกกี่คนก็จะให้ หวังหมิงฮวาเป็นแม่อันดับหนึ่งของลูกๆ ทั้งหมด

    แต่ทว่าเวลาต่อมา หวังหมิงฮวาสุขภาพอ่อนแอและเป็นวัณโรค เธอคิดว่าเพื่อไม่สร้างความลำบากให้กับคนในครอบครัว จึงหาพยาบาลส่วนตัวเพื่อมาดูแลตนเอง แต่ทว่าอาการของเธอไม่ดีขึ้น สุดท้ายก็จากไปอย่างสงบ หลังจากที่ฟู่จือฟางทราบเรื่อง ก็พาลูกชายทั้ง 3 คนไปรับร่างไร้วิญญาณของหวังหมิงฮวากลับมากประกอบพิธี จะเห็นได้ว่าหวังหมิงฮวาและฟู่จือฟางมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก

    ฟู่จือฟางได้เลือกที่ดินผืนหนึ่ง และทำสุสาน 3 หลุม เพื่อว่าต่อไป หากในอนาคตเธอต้องจากโลกนี้ไปก็จะขอฝังใกล้กับหวังหมิงฮวาและสามี เธอบอกว่า “พี่ใหญ่ (หวังหมิงฮวา) อุทิศทำทุกอย่างเพื่อตระกูลเหมย ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เราจะขออยู่ร่วมกันไม่ว่าโลกนี้หรือโลกไหนๆ แค่นี้ก็ถือเป็นบุญและความปรารถนาอันยิ่งใหญ่ของเธอแล้ว”

    นี่ถือเป็นโชคดีของเหมยหลานฟางที่มีผู้หญิงที่จงรักภักดีต่อเขาถึง 2 คน ตลอด 14 ปีที่ฟู่จือฟางแต่งเข้าตระกูลเหมย เธอให้กำเนิดบุตรมากถึง 9 คน แต่น่าเสียดายที่การแพทย์ในสมัยนั้นยังไม่พัฒนา ทำให้บุตร 3 คนของเธอจากไปก่อนวัยอันควร

    จะเห็นได้ว่าฟู่จือฟางยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อตระกูลเหมย เธอจงรักภักดีกับสามีมาก ในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่น เหมยหลานฟางได้ปฏิเสธที่จะให้ชาวญี่ปุ่นมาแสดงงิ้วแทนพวกเขา จึงยอมหยุดการแสดงทุกอย่างซึ่งเป็นรายได้หลักของครอบครัวลง ทำให้พวกเขาขาดรายได้ แต่ฟู่จือฟางก็ไม่ได้บ่นอะไร ยอมอดทนลำบากด้วยกัน และเธอก็ได้หันมาขายเครื่องประดับของตนเองเพื่อจุนเจือครอบครัว เพื่อความชอบธรรมของสามี

    ในปี 1961 เหมยหลานฟางได้จากโลกนี้ไป และฟู่จือฟางก็ได้ฝังเขาไว้ใกล้กับหวังหมิงฮวา ภรรยาคนแรกของเขา ไม่นานฟู่จือฟางก็ตามไป และสั่งเสียให้ฝังร่างของเธอไว้ใกล้พวกเขาทั้งสองคน ดังที่ตั้งใจไว้ด้วย สุสานของพวกเขาทั้งสามคน กลายเป็นที่เล่าขานและเป็นที่ยกย่องของคนในยุคนั้น 

(รูปปั้นรำลึกถึงเหมยหลานฟางศิลปินงิ้วผู้โด่งดังในอดีต)

    ป.ล. สื่อที่อ้างอิงพูดถึงภรรยาคนที่สาม ม้งเสี่ยวตง ว่า เธอไม่เป็นที่ยอมรับของคนในตระกูล และไม่เป็นที่ยินยอมของภรรยาคนแรกและคนที่สองด้วย แม้เหมยหลานฟางจะแต่งงานกับเธอ แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าบ้าน จึงไม่ได้พูดถึงมากในบทความนี้

 โปรดติดตาม เรื่องราวของภรรยาคนที่สามได้ในบทความหน้า

ที่มา :  happyday543 | เรียบเรียงโดย  พันหมื่นเหตุผล