เมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 ที่ผ่านมาได้มีการจัดการชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก่อนเคลื่อนขบวน โดยหนึ่งในผู้เข้าร่วมชุมนุมคือ คุณ "รัศมิ์ ชาลีจันทร์" อดีตเอกอัครราชทูตไทย ก็เปิดตัวร่วมชุมนุมกลุ่มราษฎรที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมเผยว่าเป็นครั้งแรกในชีวิต 

    "รัศมิ์ ชาลีจันทร์" อดีตเอกอัครราชทูตไทย เริ่มรับราชการเมื่อปี 2527 ตำแหน่งสุดท้ายในไทยก่อนออกไปเป็นทูตที่โมซัมบิก คือ รองอธิบดีกรมสารนิเทศ (รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ)   และตำแหน่งสุดท้ายก่อนเกษียณ คือ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุง นูร์-ซุลตัน ประเทศคาซัคสถาน (ปัจจุบันเกษียณอายุแล้ว)

    นอกจากนี้แล้วเขายังเป็นเจ้าของเพจ "ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador" เจ้าของโพสต์ "ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถอะว่า ที่พวกทหารชอบออกมาทวงบุญคุญกันนักหนาว่าเขาเป็นคนคอยปกป้องอธิปไตยรักษาเอกราชให้เราได้มีบ้านเมืองอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้อะไรนั้น มันไม่จริง เพราะในรอบปีร้อยมานี้ หน้าที่หลักดังกล่าวคือเหล่านักการทูตต่างหาก ไม่ใช่ทหาร"

    "ในรอบร้อยปีมานี้ สิ่งที่ทำให้ประเทศไทยอยู่รอดมา รักษาเอกราชและอธิปไตยไว้ได้ ไม่ใช่การทหาร หากแต่คือการทูต การดำเนินนโยบายต่างประเทศ ที่ขับเคลื่อนโดยบรรดานักการทูต" ซึ่งโพสต์ดังกล่าวก็มีคนกดไลก์ กดแชร์ และได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก

(อ่านโพสต์ฉบับเต็ม >>> คลิก!! ) 

    และ "รัศมิ์ ชาลีจันทร์" ก็กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้นหลังจากที่เขาเปิดเข้าร่วมชุมนุมกลุ่มราษฎรที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 8 พ.ย.63 ที่ผ่านมา โดยได้เผยว่า "แม้ตนเองจะเคยทำงานเป็นทูต ถือเป็นการใช้สิทธิในฐานะประชาชนที่ต้องการเห็นสังคมที่ดีขึ้นเช่นกัน"

    นอกจากนี้เขายังได้สัมภาษณ์กับทีมข่าวสดว่า เมื่อก่อนก็มีนักการทูตหลายท่านที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง แสดงให้เห็นว่านักการทูตก็มีความตื่นตัวทางการเมือง ส่วนจะอยู่ข้างไหนนั่นก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่ก็คือมีมานานแล้ว "ผมไม่ใช่คนแรก เพียงในยุคของผม มันเป็นยุคโซเชียลมีเดีย จึงต่างออกไปจากยุคสมัยก่อน ทำให้เราสามารถสื่อสารออกไปในวงกว้างขึ้น"

    ยอมรับว่าครั้งนี้เป็นการมาม็อบครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่เกิดมา จนอายุ 60 ปี เนื่องจากที่ผ่านมาตนอยู่ต่างประเทศตลอด ไม่ค่อยได้อยู่ประเทศไทย จึงทำให้ไม่มีโอกาส

ตอนนี้ทั่วโลกมองประเทศไทยอย่างไร

    ประเทศไทยของเราเป็นประเทศที่มีต้นทุนที่สูงมาก ภาพพจน์ของเราดีมาตลอด ซึ่งก็มีทั้งดีและเสีย ในแง่ดีก็อาจจะไม่ต้องพูดถึง เราก็รู้ว่าภาพพจน์ดีเป็นยังไง แต่ในอีกแง่หนึ่งก็คือ ถึงเราจะมีรัฐบาลที่ในหลักการในหลายประเทศที่เขาไม่เห็นด้วย แต่ด้วยความที่เรามีภาพพจน์ดี เขาก็เลยไม่ได้มากกดดันอะไรมาก ซึ่งความรู้ของแต่ละรัฐบาลที่มีต่อประเทศไทยก็จะแตกต่างกันออกไป ไม่เหมือนกัน

    และกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า " สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้ประเทศชาติเจริญได้ คือ ความทัดเทียมกันของสังคม ความเป็นประชาธิปไตย สิ่งเหล่านี้จะทำให้ประเทศชาติเจริญได้จริง มันมีหรอกครับ ผมยืนยัน ในโลกนี้คุณไปหามาเลย ประเทศไหนที่เป็นรัฐบาลทหารขวาจัด เผด็จการ แล้วคุณทำให้ประเทศเจริญได้ ผมรับรองว่าไม่มี ผมไม่เคยเห็น"

ชมคลิป

คลิปเปิดไม่ออก >>>>> กดตรงนี้ คลิ๊ก !!!! <<<<<

    นอกจากนี้เขายังได้เผยประสบการณ์ต่าง ๆ อาทิเช่น การพิทักษ์ ส่งเสริมผลประโยชน์ของประเทศชาติในแง่การต่างประเทศ นั้นคือเช่นไร โดยหวังว่าความรู้ประสบการณ์ทั้งหมด จะก่อเกิดประโยชน์ให้กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากใครที่อยากศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ก็สามารถเข้าไปติดตามได้ที่เพจ "ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador" กันได้เลย

ที่มา : ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador