อดีตนักเรียนนอก เกียรตินิยม หันหน้าสู่ "เกษตรพอเพียง" ตามรอยพ่อ ลองผิดลองถูก สู่รายได้ที่ยั่งยืน

คอมเมนต์:

"เดินทีละก้าวกินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง บนเส้นทางพอเพียง เพียงพอ แม้เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ ขอแค่กล้าให้มากพอ" - คุณแต้

    ปัจจุบันนี้ เริ่มมีวัยรุ่นหรือวัยทำงานหลายคน เลือกกลับภูมิลำเนา หาทางรอดชีวิตด้วยการ “ทำเกษตร” อาจเนื่องจากเบื่อชีวิตในเมือง ตกงาน หรือเพราะกิจการปิดตัวชั่วคราว หรือปิดตัวถาวร แต่บางคนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี

    วันนี้เรามีแนวคิดดีๆ สร้างแรงบันดาลใจ แชร์ปัญหาและอุปสรรคในวิถีเกษตรกรจาก ศิวภรณ์ นภาวรานนท์ หรือ แต้ เกษตรกรรุ่นใหม่ จ.สิงห์บุรี “ช่วงนี้เป็นโอกาสที่ดีหากใครจะหันมาทำเกษตร ยิ่งคนที่มีพื้นที่อยู่แล้ว ได้กลับมาอยู่กับสิ่งที่มี สร้างมูลค่าเพิ่มเองได้ จะรู้ว่าความสุขอย่างพอเพียงเป็นอย่างไร”

 

Sponsored Ad

 

    คุณแต้เปิดใจถึงความรู้สึกตนเองเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ในวันแรกที่ตัดสินใจหันเหชีวิต จากเด็กบัญชีเกียรตินิยม ป.ตรี ม.เกษตรศาสตร์ ทำงานเป็นพนักงานบัญชี แล้วไปเรียนต่อสหรัฐฯ 5 ปี จนจบ ป.โท ทางด้าน MBA Supply Chain Management หวนกลับมาเป็น “เกษตรกรไทย” ปั้น “ดิน” ให้มีมูลค่าดั่ง “ทอง” เพื่อการเจริญเติบโตของพืชที่ดีต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม หลังค้นพบแนวคิดใหม่ว่าการอยากได้ของหรูราคาแพง มาครอบครองเพื่อเติมความสุขให้กับตัวเองนั้น ยังไม่เติมเต็มสมบูรณ์

 

Sponsored Ad

 

    ตอนนั้นคุณแต้ในวัย 27 ปี เริ่มสนใจ “งานเกษตร” จึงตัดสินใจกลับจากอเมริกา มาเริ่มต้นทำอาชีพเกษตรทำปุ๋ยอินทรีย์ ขายดินพร้อมปลูกทั้งๆ ที่ไม่มีความรู้ ไม่เคยปลูกต้นไม้ แต่เพราะอยากให้คนหันมาปลูกต้นไม้ ให้พ่อแม่ชวนลูกได้มาอยู่กับธรรมชาติ คุณแต้จึงมุ่งมั่นเดินหน้าต่อไปโดยมีแนวคิด “เดินทีละก้าวกินข้าวทีละคำ ทำทีละอย่าง บนเส้นทางพอเพียง เพียงพอ แม้เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ ขอแค่กล้าให้มากพอ”

    แม้คุณแต้ต้องล้มลุกคลุกคลานเกือบ 3 ปี เจ๊งทุกโครงการในปีแรก รวมถึงสุขภาพร่างกายที่โหมหนักเกินจนกระดูกสันหลังคด มือขวาเขียนหนังสือไม่ได้ จากการล้มเพราะทำงานหนัก แต่ไม่คิดถอยหลัง เธอให้เหตุผลว่า 

 

Sponsored Ad

 

    “เราต้องมีความกล้า ต้องไม่กลัวที่จะล้ม ต้องคิดว่า ยิ่งล้มเร็วก็จะยิ่งเรียนรู้เร็ว ถ้ากลัวล้มก็จะไม่กล้าเริ่มลงมือทำ ในทางกลับกันคนที่ประสบความสำเร็จเร็วคือคนที่ล้มมาเยอะที่สุด”

    ความกล้าลองถูกลองผิดและความมุ่งมั่นพยายามนี่เอง ส่งผลให้คุณแต้ประสบความสำเร็จจนถึงวันนี้ มีสินค้าเกษตรเป็นแบรนด์ตัวเองทั้งดิน ปุ๋ย และน้ำจุลินทรีย์ชีวภาพ ขายสร้างรายได้ยังไม่หักค่าใช้จ่ายเดือนละแสน เกษตรกรหน้าใหม่หลายคนคงอยากรู้มีวิธีคิดใดอีกที่ช่วยให้คุณแต้ผ่านอุปสรรคมาได้ทั้งๆ ที่ความรู้ด้านเกษตรติดลบ

 

Sponsored Ad

 

    คุณแต้แนะนำ คนไม่เป็นการเกษตรเลย นอกจากลองผิดลองถูก ต้องลงมือทำจริงให้เต็มที่ เพื่อจะได้รู้ว่าชอบสิ่งนั้นจริงไหม อะไรเป็นปัญหาและอุปสรรคในการเกษตรนั้นๆ ที่เลือกทำ ซึ่งบางคนอาจใช้เวลาสักระยะประมาณ 1-2 ปี ในการค้นหาความชอบตัวเอง อีกวิธีสำคัญที่คุณแต้ปฏิบัติ คือ กล้าที่จะก้าวออกไปหาความรู้ คำแนะนำ ความช่วยเหลือจากองค์กรต่างๆ ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน เช่น กระทรวงเกษตรฯ เกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัด

    “คนที่เริ่มทำเกษตรให้ติดต่อเกษตรอำเภอ เกษตรจังหวัดว่ามีการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างไร ไปแล้วนอกจากได้รับคำแนะนำก็จะเป็นการสร้างเครือข่ายในจังหวัด ทำให้รู้จักจังหวัดตัวเองมากขึ้นว่าใครทำเกษตรอะไร ตรงไหนบ้าง ก็จะได้ขอคำแนะนำ ปรึกษา ขอความช่วยเหลือ ไปดูเป็นแบบอย่าง ไปเรียนรู้จากผู้ที่มีประสบการณ์”

 

Sponsored Ad

 

    อีกข้อกังวลสำหรับเกษตรใหม่คือ กลัวว่าสินค้าเกษตรของตัวเองจะขายไม่ได้ คุณแต้เองก็เคยรู้สึกเช่นนั้น แต่ก็สามารถผ่านวิกฤติปัญหาดังกล่าวมาได้ด้วยหลักคิด “ทำทันที” ทำให้จากแรกเริ่มขายได้วันละ 5-6 กล่อง แต่ 3 เดือนผ่านไป ขายและจัดส่งได้มากกว่า 50 กล่องต่อวัน ในช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน ยอดขายเพิ่ม 3-4 เท่าตัว รู้สึกดีใจที่คนกลับมาให้ความสำคัญกับการเพาะปลูกมากขึ้น เป้าหมายต่อไปคือ 500 กล่องต่อวัน จึงไม่ใช่สิ่งที่ไกลเกินเอื้อมอีกต่อไป 

 

Sponsored Ad

 

    “อุปสรรคสำคัญที่สุดคือตัวเราเอง คนส่วนใหญ่ที่ไม่สำเร็จเพราะไม่กล้าที่จะทำ ไม่กล้าแม้แต่จะเริ่ม เพราะคิดว่าทำไม่ได้ คิดว่า เฮ้ยเขาขายกันเยอะแล้ว และคิดว่าจะติดปัญหาตรงนั้น ตรงนี้ วิธีที่ง่ายให้ทำทันที ลองทำ ลองโพสต์ ลองขาย ถ้าเกิดปัญหาอะไร ไม่เข้าใจกลไกเครื่องมือไหนก็ค่อยแก้ไปทีละจุด”

    ตั้งแต่สร้างแบรนด์สินค้าเกษตรตัวเองออกสู่ตลาดมา 5 ปีจนถึงวันนี้ คุณแต้บอกว่าไม่เคยหวังความร่ำรวย ไม่ต้องการผลกำไรมากมายที่มาจากการเบียดเบียนผู้อื่นแล้วสร้างความสบายให้ตัวเอง สิ่งสำคัญคือการมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตเกษตรกรตามใจปรารถนา นอกจากนี้รายได้ส่วนหนึ่งยังนำไปซื้อชุด PPE บริจาครพ.ต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงบริจาคให้มูลนิธิ the voice foundation ทุกๆ เดือน

Sponsored Ad

    คุณแต้ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ขายดิน ปุ๋ย น้ำจุลินทรีย์ ปัจจุบันยังได้รับการยอมรับจากชุมชนจากโครงการการเพาะเลี้ยงไส้เดือน เพื่อกำจัดอินทรียวัตถุที่ช่วยสร้างรายได้เสริมให้ชุมชน และยังเป็นวิทยากรถ่ายทอดความรู้งานด้านการเกษตรด้วย การจะมีความสุขกับการเกษตรที่เลือกทำ คุณแต้เน้นย้ำต้องทดลองก่อน เพราะการเกษตรสร้างเงื่อนไขของกรอบเวลาไม่ได้ ต้องให้เวลาในการเรียนรู้ แต่เมื่อไรที่พบว่าทำแล้วมีความสุขก็จะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง

    “จงเชื่อเถอะว่าความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ถ้ามันยังไม่สำเร็จนั่นแปลว่าเรายังพยายามไม่มากพอ ก้าวข้ามขีดจำกัดของตนเองให้จงได้แล้วจะรู้เองว่า สองมือ สองเท้า หนึ่งสมอง ของเรานี้ทำอะไรได้มากกว่าที่เราคิด อย่ากลัวที่จะเริ่มต้น” คุณแต้ เกษตรกรรุ่นใหม่ชาวสิงห์บุรีกล่าวทิ้งท้าย

ที่มา : thairath

บทความที่คุณอาจสนใจ