แอร์โฮสเตสสาว เล่าความรู้สึก ในวันที่ไม่ได้กลับไทยเกือบ 5 เดือนแล้ว รอวันที่จะได้กลับไปหาความสุขที่ไทย

คอมเมนต์:

ถึงแม้การได้บินไปต่างประเทศ ได้เที่ยวรอบโลก อาจทำให้หลายคนอิจฉา แต่หารู้ไม่ว่า.. การที่มีไฟลท์กลับไทยนั้น เป็นอะไรที่มีความสุขมากที่สุดแล้ว

        เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีแอร์โฮสเตสสาวท่านหนึ่ง ออกมาโพสต์ระบายความรู้สึก ในวันที่ไม่ได้กลับไทยเกือบ 5 เดือน เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันที่ทำให้ไม่สามารถกลับบ้านได้ 

        สำหรับอาชีพ "แอร์โฮสเตส" นั้นถึงแม้การได้บินไปต่างประเทศ หลายที่รอบโลก อาจทำให้หลายคนอิจฉา แต่หารู้ไม่ว่า การที่มีไฟลท์กลับไทยนั้น เป็นอะไรที่มีความสุขมากที่สุดแล้ว และเธอยังคงเฝ้ารอวันที่เปิดประเทศ เพื่อจะได้กลับไปหาคนที่เรารักในสักวัน

 

Sponsored Ad

 

        ความรู้สึกของแอร์เบสต่างประเทศ ในวันที่ไม่ได้กลับไทยเกือบ 5 เดือน งานของเรา เรารู้ดีว่ามันไม่มีความแน่นอนและตายตัวในเรื่องของเวลา แต่เชื่อไหม ในวันที่ตารางบินออก พวกเราพยายามจัดสรรตารางในทุก ๆ เดือนอย่างดีที่สุด เพื่อให้ได้มีไฟลท์ กทม. หรืออย่างน้อยที่สุด ภูเก็ต ก็ได้ ส่วนตัวตั้งแต่บินมาที่สายการบินปัจจุบันเกือบ 2 ปี เราทำไฟลท์กรุงเทพไปแล้ว 44 ครั้ง ซีเนียร์บางคนทำไฟลท์กรุงเทพมาแล้ว 100, 200, หรือ 300 กว่าครั้งก็มี เรียกได้ว่า ทั้งเดือนพยายามที่จะบินแต่กรุงเทพให้ได้มากที่สุด

 

Sponsored Ad

 

หลายครั้งเพื่อน ๆ ที่ไทยถามว่า..

        - บินกรุงเทพเพื่ออะไร?

        - เป็นแอร์อินเตอร์ ไหนบอกอยากเที่ยวรอบโลก?

        - วันหยุดกลับไทยบ่อย ๆ ทำไม?

 

Sponsored Ad

 

         ใช่...ยอมรับว่า เรามาเป็นแอร์สายนอก เพราะอยากเปิดหูเปิดตา อยากเที่ยว อยากไปเห็นอะไรใหม่ ๆ และอีกมากมายที่เคยคิด และหลายคนคิดเอาไว้ อืมม.. เราไปนะ..ไปมาหมดแล้ว ทุกคนก็จะพูดเหมือน ๆ กันว่า “โห..ดีจัง ได้ไปนั่นไปนี่..” แต่สิ่งเหล่านั้น มันก็แค่ชั่วขณะเท่านั้น จะมีใครรู้มั้ยว่ารูปสวย ๆ ที่ออกไปถ่ายตามแลนด์มาร์คต่าง ๆ ต้องหอบร่างหลังแลนด์ออกไป เหนื่อยล้าแค่ไหน บางทีเหมือนลอยออกไปแต่ตัว แต่สมองคืออยู่บนเตียงที่โรงแรมตั้งแต่เช็กอินแล้ว

        สุดท้ายเชื่อไหมว่า การไปพักต่างประเทศ คือ การไปหาร้านอาหารไทยอร่อย ๆ กิน และการได้ไฟลท์กรุงเทพ เราจะสนุกมากกับการเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วแบบมาราธอน ไม่หลับไม่นอน ต่อให้ร่างจะพัง ไฟลท์จะโหดแค่ไหน ความคิดแรกตั้งแต่ sign in ก็คือ “เดี๋ยวเราจะไปทำอะไรก่อนดี?”

 

Sponsored Ad

 

        ถ้าแลนตอนเช้า ก็จะมีเวลาทั้งวัน ถ้าแลนเย็น/ดึก ก็จะมีเวลาคืนนี้กับพรุ่งนี้เช้า พ่อแม่จะแพ็คอาหารมาให้ต้องเคลียร์กระเป๋ารอ ต้องไปซื้อผัก ซื้ออาหารแห้ง มาม่า ผงปรุงรสซอง น้ำยาซักผ้า ปรับผ้านุ่ม ฯลฯ อีก

        พี่ ๆ บางคนตอนเช้าจะไปส่งลูกไปโรงเรียน หรือถ้าตอนเย็น ก็จะไปรอรับกลับบ้านมาด้วยกัน คนมีแฟน...โอเค เดี๋ยวแฟนมารอที่ล็อบบี้โรงแรม ไปกินข้าวกันที่ไหนดีนะวันนี้

         มันคือ 24 ชม., 36 ชม.ที่คุ้มค่ามากที่สุด คือการพักที่ดีที่สุดจากการบินไปมาทั่วโลก เพราะอะไรรู้มั้ย? เพราะมันมี "ความสุข" รออยู่ไง

 

Sponsored Ad

 

        - สุข ที่ได้เจอหน้าคนที่เรารัก

        - สุข ที่ได้กินอาหารที่ถูกปาก

        - สุข ที่ได้พูดภาษาตัวเอง

        - สุข ที่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่เคยเป็น

        การเป็นแอร์ มันสอนให้เราเห็นคุณค่าของเวลานะ มันทำให้เรารู้ว่า ถ้ามีโอกาสอะไรให้รีบทำ เราไม่ได้มีเวลาที่ตรงกับคนอื่นมาก แต่เชื่อเถอะ ว่าทุกเวลาที่เราใช้ไป ไม่ว่ากับใคร เราใช้มันอย่างคุ้มค่าและเต็มที่มาก ๆ จริง ๆ

 

Sponsored Ad

 

        ถามว่าเกือบ 5 เดือนที่ผ่านมา เราที่ติดอยู่ต่างประเทศ พลาดอะไรกันไปบ้าง ที่เจ็บปวดที่สุดก็คือช่วงวันหยุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะสงกรานต์ วันจักรี วันพืช วันวิสาขฯ อาสาฬห หรือหยุดอะไรใดใด ที่คนอื่น ๆ ได้หยุดยาวกัน หรืออย่างเดือนนี้ “วันแม่” ที่ปกติเราจะพาแม่ไปกินข้าวทุกปี ก็กลายเป็นทำได้แค่โทรกลับไทย มองดูรูปในโซเชียล วันหยุด ที่ปกติ เราจะพยามกลับไทยให้ได้

        วันหยุด ที่ปกติ เราจะพยามขอลีฟกัน แต่ตอนนี้เราทำได้แค่มองให้มันผ่านไป หลาย ๆ ครั้งเราตั้งคำถามกับตัวเองนะ

Sponsored Ad

        - ว่าเราจะใช้ชีวิตแบบนี้ไปอีกนานมั้ย ?

        ยาฟอกสีฟันตัวนี้จะทำให้ฟันของคุณขาวเหมือนหิมะ

        - ทำไมพี่ ๆ เค้าเก่งจัง บินไป บินมา ได้ไงเป็นสิบ ๆ ปี

        - กลับไปอยู่ไทยดีมั้ย ?

        แต่พอคิดกลับไปกลับมาอีกที งานนี้ มันก็คืองานที่เรายังรักอยู่ แต่สำหรับพี่ ๆ ที่บินมาเยอะ ๆ แล้วก็ไม่แปลกใจหรอก ที่เค้าเลือกที่จะแขวนปีก และกลับไปใช้ชีวิตแบบที่ไม่ต้องแข่งกับไทม์โซนใดใด, ไม่ต้อง 4x100 เพื่อไปสนามบินหลังแลน, ไม่ต้องไปยืนรอตั๋วแสตนบาย ลุ้นที่บนไฟลท์ ก็เอาเป็นว่า ถ้าวันนึง ชีวิตเรามีแพลนที่ไทยชัดเจน มีเป้าหมายว่า "กลับไปเพื่ออะไร และเพื่อใคร"

        - เพื่อตัวเอง...เพียงพอต่อการเลี้ยงชีพมั้ย ?

        - เพื่อครอบครัว...เราสามารถเป็นเสาหลักได้รึเปล่า ?

        - เพื่อคนรัก...เรามีอนาคตร่วมกันแน่แล้วใช่มั้ย ?

        สำหรับเรา ถ้า 3 อย่างนี้ ตอบโจทย์ทั้งหมดละก็... "One day the plane ticket will be one way" แต่ตอนนี้ ขอกอดตัวเองไปก่อนนะ อยากให้คนที่ไทยรู้ว่า พวกเราก็รออยู่ รอวันที่ไทยจะเปิดประเทศ จะได้ "กลับไปหาความสุขของเรา" เหมือนกัน

โพสต์ดังกล่าว

ที่มา : komchadluek, เฟซบุ๊ก Namphon Sirikul

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ