มัวแต่ประกาศ "ข้อเสีย" ของผู้อื่น แต่เรื่องของตัวเองกลับ "ไม่สะอาด" คนแบบนี้ควรอยู่ห่างๆไว้

คอมเมนต์:

คนแบบนี้ไม่น่าคบหา

เที่ยวประกาศ "ข้อเสีย" ของคนอื่น เรื่องตัวเองไม่สะอาดกลับเงียบไว้ คนแบบนี้ห่างไว้ดีที่สุด

คนที่คอยแต่พูดถึง "ข้อเสีย" ของคนอื่น คอย "ใส่ร้ายป้ายสี" คนอื่น "นินทา" คนอื่นกับเรา หากไม่ระวัง เมื่อเราไม่อยู่ในวงสนทนา

 

Sponsored Ad

 

เขานั่นแหละ.. จะคอยประกาศเรื่องของเราให้คนอื่นรู้

คนประเภทนี้ ห่างไว้ดีที่สุด หายากที่สุด คือ

คนที่คอยให้กำลังในยามที่เราล้ม

 

Sponsored Ad

 

ดูยากที่สุด ก็คือ ใจของคนเรานี่แหละ

ยามดีมีประโยชน์ ใครๆ ก็มักเข้าหา เพื่อนฝูงมากหน้า

ยามหมดประโยชน์ ยามล้ม ยามที่เกื้อหนุนใครไม่ได้อีก

 

Sponsored Ad

 

เราจะเห็น “น้ำใจของคน” คำพูดบางประโยค

แม้จะเป็นความจริง แต่เมื่อพูดแล้วมันบั่นทอนจิตใจคนฟัง

ไม่ต้องพูดก็ได้อย่าเอาแต่สะใจเรา คนอื่นเขาฟังแล้วทุกข์

“มันไม่ดี” “ปากคนเป็นสิ่งเดียวที่ห้ามไม่ได้พอๆ กับความคิด”

ดังนั้นเมื่อต้องตกอยู่ท่ามกลางคยพูดไม่ดีนินทาว่าร้าย พูดจาส่อเสียดให้คนแตกแยก

ยิ่งฟังก็หาความจรรโลงหูไม่ได้ ไม่ก่อประโยชน์ใดๆ

 

Sponsored Ad

 

ก็ควรเลิกฟังเสีย เดินออกมาจากจุดนั้นเสีย คนที่ยกเอาแต่ข้อเสียคนอื่นมาพูดสนุกปาก

ย่อมมองไม่เห็นข้อดีของคนอื่นหรอก เพราะคอยแต่จับผิดอยู่อย่างนั้น

ผสมกับความคิดที่มี ‘อคติ’ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองเห็นข้อดีของคนอื่นๆ ได้

มันจึงมีคำกล่าวว่า คนอื่นความผิดนับแสน ตัวเองความผิดเท่าเล็บมด

ข้อเสียคนอื่นรู้หมด แต่ข้อเสียตัวเองไม่มีใช้ไม่ได้คนแบบนี้

คนที่หมั่นพิจารณาตน เขาไม่ไปเพ่งข้อเสียใครหรอก

เพราะเขาจะเอาเวลามาเพ่งข้อเสียตัวเองแล้วแก้ไข

ทำความเข้าใจคนอื่นว่าอยากแล้ว ทำความเข้าใจตนเองยากยิ่งกว่า 

 

Sponsored Ad

 

จงจำไว้.. คนเหล่านี้ไม่น่าคบ

1. สนใจแต่เฉพาะเรื่องตัวเอง มักจะโผล่มาเฉพาะเวลาที่ต้องการให้คนช่วยเสร็จแล้วก็หายเข้ากลีบเมฆ

        คนประเภทนี้เอาคำว่า “เพื่อน” หรือความสัมพันธ์ต่างๆ มาบังหน้าไว้เท่านั้น คุณสมบัติของคนเหล่านี้ ร้อยวันพันปีหากไม่มีเรื่องอะไรที่ที่เขาต้องการความช่วยเหลือ เขาจะไม่โผล่ตัวมาหาคุณเลย ยกตัวอย่างเล็กๆ เช่น เขาจะ แชท ทักคุณมาก็ต่อเมื่อเขากำลังมีเรื่องให้คุณช่วยเท่านั้น กลุ่มบุคคลนี้มักเป็นผู้เห็นแก่ได้ฝ่ายเดียวซะด้วยสิ

 

Sponsored Ad

 

        และพอเขาใช้งานคุณเสร็จแล้วก็หายตัวเข้ากลีบเมฆไปอย่างรวดเร็ว บุคคลเหล่านี้ขัดกับตำราเพื่อนที่ดีที่ได้กล่าวไว้ว่าคนช่วยต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน คนประเภทนี้หากคุณสังเกตดีๆ ว่าเวลาคุณต้องการความช่วยเหลือขึ้นมาบ้างบางครั้งเขาอาจจะไม่ปรากฏตัวเลยก็เป็นได้นะ

2. ทำตัวเป็น “งูเห่า” เลี้ยงไม่เชื่อง

        สมัยเด็กคุณคงเคยได้ยินนิทานก่อนนอนเรื่อง "ชาวนากับงูเห่า" มาบ้างแล้ว บางทีคุณไม่ได้โง่หรอกที่เมื่อเพิ่งรู้จักกันระยะแรกคุณมองไม่ออกว่าคนรอบตัวคุณใครคือ “งูเห่า” ด้วยความที่คุณเป็นคนดีคุณก็เมตตาคนประเภทนี้ไปเรื่อยๆ แต่คนประเภทนี้นอกจากเขาอาจจะไม่ได้ตอบแทนคุณด้วยการขอบคุณหือความรู้สึกที่ดีต่อคุณ เขายังไปฉกกัดคุณ มีความริษยาในดวงใจ จ้องจะทำร้ายคุณเป็นผลตอบแทน

Sponsored Ad

3. ทำตัวเป็น “นกสองหัว” ปากอย่างใจอย่างหรือต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง

        สำหรับบุคคลเหล่านี้แล้ว ต่อหน้าเขาคุณจะเปรียบเป็นเทพบุตรผู้ไร้ราคี เขาจะไม่มีวันเอาข้อเสียหรือสิ่งที่เขาไม่พอใจมาพูดให้คุณได้ฟังต่อหน้าเป็นแน่ แต่อย่าได้เผลอเลยคนคนเดียวกันนี่เองลับหลังคุณเขาได้เอาคุณไปพูดไปนินทาไปพูดกระแนะกระแหนไปกุเรื่องเป็นสิบเป็นร้อยเรื่อง จนกลายเป็นอีกเรื่องที่คุณอาจไม่คิดมาก่อนก็ได้

4. กอบโกยผลประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว จ้องเอารัดเอาเปรียบไม่มีที่สิ้นสุด

        บุคคลประเภทนี้มักจะแอบแฝงมาในรูปแบบเพื่อนหรือคนสนิทต่างๆ เข้ามาหาคุณ ใครจะไปรู้ว่าแท้จริงแล้วเหตุผลที่เขาเข้าหาคุณนั้นเพียงเพื่อจะมาเอาผลประโยชน์จากคุณเท่านั้นซึ่งอาจจะเป็นทรัพย์สินที่คุณมีอยู่ อาจจะเป็นแรงกาย หรือทรัพย์สินทางสติปัญญาของคุณเพื่อโอนเข้าทางประโยชน์ของเขา มันเป็นเรื่องปกติมากที่คนเราทุกคนเกิดมาอย่าง “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า”

        ความหมายคือคนเราต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกัน ย้ำอีกที “ซึ่งกันและกัน” แต่บุคคลนี้กลับใช้คตินี้ตีความผิดไปหรือไม่ก็ตีความไม่ครบ เขากลับเห็นแต่ประโยชน์ที่คุณจะสามารถให้เขาได้ ใช้เล่ห์กลเพื่อเอารัดเอาเปรียบคุณสารพัดรูปแบบ สำคัญแต่ตัวจะรับไม่คำนึงถึงการให้ โดยเบื้องลึกของจิตใจคนเหล่านี้บางคนไม่ได้คิดแม้แต่จะหาทางตอบแทนคุณอย่างใด

5. ไม่มีความ “เสมอภาค” ในมิตรภาพ ไม่เห็นความสำคัญของอีกฝ่าย

        คุณอาจสงสัยว่าหมายถึงบุคคลประเภทนี้ใดกัน บุคคลประเภทนี้ก็หมายถึงบุคคลที่ชอบทำอะไรที่ไม่เป็นธรรม ตัวอย่างก็เช่นเวลาใดที่บุคคลเหล่านี้มีเรื่องทุกข์ใจอยากแชร์ก็ไปหาคุณได้ตลอดเวลา แต่พอคุณมีเรื่องต้องการคนปรับทุกข์บ้างคุณกลับไม่สามารถไปหาคนคนนี้ได้เนื่องจากเขากลับไม่ได้รับฟัง หรือ เขาอาจเรียกร้องน้ำใจของคุณอยู่ฝ่ายเดียวเช่น ช่วยงานให้เขาหรือให้คุณช่วยอะไรเขาจิปาถะ แต่เมื่อถึงทีของคุณบ้างคุณกลับไม่ได้รับน้ำใจนั้นกลับคืนมา เรื่องนี้ดูเผินๆ อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันมีความหมายว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้มองเห็นความสำคัญในตัวคุณมากที่คุณคิด

6. เป็นนักกุเรื่องชีวิตไม่อยู่บนฐานความเป็นจริง

        บุคคลประเภทนี้มักชอบพูดเรื่องเทจเป็นกิจจะลักษณะ ไม่สนใจว่าสิ่งที่ตนเองได้ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นความจริงต่อผู้อื่นไปแล้วฝ่ายตรงข้ามจะถูกคนในสังคมมองเช่นไร บุคคลประเภทนี้มักชอบพูดจาบิดเบือนความจริง จนบางครั้งคุณก็น่าจะรู้สึกได้ด้วยตัวคุณเอง

7. เป็นมิจฉาชีพในรูปแบบคนรู้จัก

        บุคคลประเภทนี้อาจเข้ามาทำความรู้จักกับคุณเพราะเขาต้องการบางอย่างจากคุณแบบไม่สุจริต เขาอาจเป็นมือขโมยในคราบของเพื่อน ไม่ว่าเป็นทรัพย์สินทางตัวหรือทางปัญหา หรือไม่ก็หลอกหาผลประโยชน์ด้วยวิธีแบบเดียวกับที่มิจฉาชีพเขาทำกัน สำหรับคนประเภทนี้แล้วเมื่อคุณต้องระวังตัวเมื่อเริ่มรู้ตัวว่ามีคนประเภทนี้เข้ามาในชีวิตทางที่ดีแนะนำให้ตีตัวออกห่างไปยิ่งไกลเท่าไหร่ก็ยิ่งดี

        หากคนรอบข้างของคุณหรือขอให้ถือโอกาสนี้รวมไปให้ตัวคุณเองได้พิจารณาตัวเองมีลักษณะนิสัยข้อใดที่เป็นอยู่จงรู้ไว้ว่าเป็นนิสัยที่ไม่น่าคบหา หากเปลี่ยนได้ควรตั้งใจเปลี่ยนให้ดีตั้งแต่วันนี้ดีกว่า คุณต้องอย่าลืมว่าคนที่มีนิสัยดังกล่าวเหล่านี้นั้นจงเชื่อว่าล้วนจะไม่เป็นผลดีต่อตัวของบุคคลคนนั้นเอง บุคคลอื่นอาจจะรู้ไม่ถึงในครั้งแรกๆ แต่ทุกคนล้วนแล้วแต่มี Common sense เป็นของตนเองที่จะรับรู้และพิจารณานิสัย ชีวิตของบุคคลเหล่านี้จะแสแสร้งหรือทำนิสัยด้านลบเหล่านี้ต่อคนอื่นได้กี่ครั้งกันเชียว

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก นามบุญ , earnps จากเว็บไซต์พันทิปดอทคอม