เปิดสุดยอด "แมวสายพันธุ์แพง" จากทั่วโลก งดงาม เลอค่า สมกับราคาจริงๆ

คอมเมนต์:

ราคานี่จ่ายแล้วสบายตัวเลย 555555

    กระแสฮิตเจ้าเหมียว เริ่มมาแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์ก ที่เปิดขึ้นมาเมื่อไรเป็นต้องเจอรูปถ่ายหน้ากลมๆ ของเจ้าเหมียว พร้อมทั้งอิริยาบถต่างๆ อยู่ร่ำไป ทั้งนี้บนโลกใบนี้ มีแมวมากกว่า 250 สายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นขนสั้น ขนยาว ขนเกรียน ตัวใหญ่ ตัวเล็ก รูปร่างหน้าตาก็แตกต่างกันออกไป แต่ถึงแม้จะมีความแตกต่างกันมากแค่ไหน แต่ทุกสายพันธุ์ก็น่ารักไม่ต่างกัน

    วันนี้ โลกของโฮ่ง จึงขอพามาชมราคาแมว ที่มีราคาสบายกระเป๋าจากทั่วโลก เพราะเมื่อคุณจ่ายเงินซื้อแมวเหล่านี้แล้ว รับรองว่า กระเป๋าสตางค์คุณจะเบาลง จนเดินตัวปลิวแน่นอน

 

Sponsored Ad

 

** หมายเหตุ : ใช้อัตราแลกเปลี่ยน $1 = 31.2 บาท และราคาเป็นราคาต่างประเทศ **

1. แมวป่านอร์เวย์ (18,720 – 93,600 บาท)

    บรรพบุรุษของแมวสายพันธุ์นี้ ถูกผสมโดยชาวไวกิ้งมาตั้งแต่ 2,000 ปีที่แล้ว จุดเด่นของมันคือความงามของขนที่ยาวสลวย ที่มีไว้ป้องกันความหนาวเย็น นอกจากนั้นมันยังเป็นนักล่าที่ดีอีกด้วย

 

Sponsored Ad

 

2. แมวหิมาลายัน ( 15,600 – 40,560 บาท)

แมวหิมาลายันค่อนข้างคล้ายคลึงกับแมวเปอร์เซีย แต่ลักษณะเด่นของมันคือมีตาสีฟ้า และมีสีลำตัวที่อ่อน แต่มีสีทึบที่บริเวณใบหน้า เท้า หู และหาง แมวสายพันธุ์นี้ถูกผสมขึ้นในช่วงปี 1950 ในอเมริกา มันมีนิสัยว่าง่าย อ่อนโยน เป็นมิตร และรักสงบ

    3. สกอตทิช โฟลด์ ( 6,240 – 46,800 บาท)

 

Sponsored Ad

 

    จุดเด่นที่สุดของสกอตทิชโฟลด์ คือใบหูที่พับลงมาน่ารักไม่เหมือนใคร ความแปลกนี้เป็นผลพวงมาจากการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม พวกมันเป็นแมวที่ฉลาด เข้ากับคนง่ายและพร้อมที่จะเล่นเสมอ นอกจากนั้น จุดเด่นของมันอีก 2 อย่างก็คือ มันชอบยืน 2 ขา และท่านั่งที่แปลกไม่เหมือนแมวสายพันธุ์ไหน

4. ปีเตอร์บัลด์ (12,480 – 37,440 บาท)

 

Sponsored Ad

 

    ปีเตอร์บัลด์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ปีเตอร์สเบิร์ก สฟิงซ์ ถูกผสมในรัสเซียเมื่อปี 1994 จุดเด่นของพวกมันคือมีร่างกายที่ผอม หัวยาว และมีหูขนาดใหญ่ นอกจากนั้นพวกมันยังเป็นแมวที่เข้าสังคมได้ง่าย อ่อนโยน และฝึกง่าย

5. อียิปเตียน โม (15,600 – 46,800 บาท)

 

Sponsored Ad

 

    ลักษณะของแมวสายพันธุ์อียิปต์ชนิดนี้ เปลี่ยนไปเล็กน้อยในช่วง 3,000 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ จุดเด่นของพวกมันคือมีจุดและลวดลายสีดำที่คล้ายกับเสือนั่นเอง

6. เมนคูน ( 18,720 – 46,800 บาท)

 

Sponsored Ad

 

    นี่คือหนึ่งในสายพันธุ์แมวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักของพวกมันอยู่ระหว่าง 5-15 กิโลกรัม และแมวเมนคูนที่โตเต็มที่ จะมีความยาวได้ถึง 1.23 เมตร แต่ถึงแม้รูปร่างมันจะดูใหญ่โตน่ากลัว แต่นิสัยของมันค่อนข้างอ่อนโยนและขี้เล่น

7. ลาเปิร์ม (6,240 – 62,400 บาท)

Sponsored Ad

    หนึ่งในสายพันธุ์แมวที่แปลกที่สุด ที่ปรากฏขึ้นในช่วงปี 1980 ในสหรัฐอเมริกา จุดเด่นที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือขนของมันที่มีลักษณะหยิกหยอย และขนของมันไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ ลาเปิร์มจึงเป็นแมวที่เหมาะที่สุดสำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้

8. รัสเซียน บลู (12,480 – 62,400 บาท)

    หนึ่งในแมวพันธุ์ขนสั้นที่เป็นที่นิยมมากที่สุด และเริ่มเป็นที่รู้จักนอกประเทศรัสเซียเมื่อปี 1893 จุดเด่นของมันคือสีขนเทาน้ำเงินที่เรียบเนียนสวย นอกจากนั้น ยังมีความเชื่อที่ว่า แมวสายพันธุ์นี้จะนำโชคดีมาสู่บ้านที่เลี้ยง

9. เซเรนเกติ (18,720 – 62,400 บาท)

    ประวัติศาสตร์ของแมวเซเรนเกติ เริ่มต้นมาได้ไม่นาน โดยมันเกิดขึ้นในแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 1994 สายพันธุ์ของพวกมันถูกพัฒนาให้ใหญ่ขึ้น จนมีน้ำหนักมากถึง 8-12 กิโลกรัม มีใบหูที่ใหญ่ มีจุดดำตามลำตัว และมีขาที่ยาวมาก

10. เอลฟ์ (ประมาณ 62,400 บาท)

    สายพันธุ์ที่ถูกพัฒนามาได้ไม่นานในอเมริกาเมื่อปี 2006 โดยเป็นการผสมกันระหว่าง แมวสฟิงซ์ และ อเมริกัน เคิร์ล ซึ่งมันดูเป็นกันเองอย่างไม่น่าเชื่อ แถมยังฉลาด ซุกซน ขี้สงสัย กระตือรือร้น และซื่อสัตย์

11. ทอยเกอร์ (15,600 – 93,600บาท)

    เป็นแมวสายพันธุ์ขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายเสือ เพราะทอยเกอร์ถูกพัฒนาสายพันธุ์มาจากผู้ที่มีแรงบันดาลใจ ในการอนุรักษ์เสือในป่า ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่ชื่อของมัน ทอยเกอร์ จะมาจากคำว่า ไทเกอร์ ที่แปลว่า เสือ นั่นเอง

12. อเมริกัน เคิร์ล (31,200 – 93,600  บาท)

    เป็นสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนาขึ้นในแคลิฟอร์เนียในปี 1981 ลูกแมวอเมริกัน เคิร์ล จะดูไม่ออกว่ามันเป็นพันธุ์นี้ จนกระทั่งมันโตเต็มที่ แต่ในช่วงวันที่ 10 เป็นต้นไป คุณจะเริ่มเห็นหูของมันโผล่ขึ้นมาเหมือนกับเขาเล็กๆ ด้วยลักษณะเช่นนี้ ทำให้มันเป็นแมวที่โดนใจใครหลายๆ คน

13. เบงกอล (31,200 – 124,800บาท)

    เป็นการพัฒนาข้ามสายพันธุ์มาจากแมวดาวเอเชียกับแมวบ้าน แมวเบงกอลชื่นชอบในการว่ายน้ำอย่างมาก และถึงแม้ขนาดตัวของมันจะหนัก 4-8 กิโลกรัม แต่มันก็ชอบปีนขึ้นมาบนไหล่เจ้าของๆ มันอยู่บ่อยๆ

14. ซาฟารี ( 124,800 – 249,600 บาท)

    แมวสายพันธุ์หายากที่เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างแมวบ้านและแมวชอฟรัว ซึ่งเป็นแมวป่าในอเมริกาใต้ โดยการผสมเกิดขึ้นครั้งแรกในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1970 เพื่อวัตถุประสงค์ในการศึกษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และน้ำหนักของแมวชนิดนี้หนักถึง 11 กิโลกรัม

15. ขาวมณี (218,400 – 343,200บาท)

    แมวไทยโบราณส่งเข้าประกวด โดยมันถูกพบในบันทึก “ตำราแมว” ที่อยู่ในช่วงปี 1350-1767 ในสยามบ้านเรา โดยเป็นแมวที่ถูกเลี้ยงโดยชนชั้นสูง จุดเด่นของมันคือมีสีขาวปลอด และมีตาสองสี โดยในต่างประเทศค่อนข้างหายากมาก และมีราคาสูงลิบลิ่ว

16. ชอซี (250,000 – 345,000 บาท)

    หนึ่งแมวสายพันธุ์หายากที่สุด โดยมันถูกพัฒนาข้ามสายพันธุ์โดยการผสมกันระหว่างแมวบ้านและแมวป่า แต่มันเป็นแมวที่เข้ากับคนได้ง่ายมาก และไม่ชอบที่จะอยู่อย่างสันโดษ ชอซี มีความสุขกับการได้อยู่กับมนุษย์ แมวตัวอื่นๆ หรือแม้กระทั่งสุนัข

17. คาราคัล (241,500 – 312,000 บาท)

    คาราคัล ถือเป็นแมวที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ จุดเด่นของมันคือใบหูที่มีลักษณะไม่เหมือนแมวพันธุ์ไหน เมื่อหลายปีก่อน แมวสายพันธุ์นี้ถูกเปลี่ยนจากสถานะสัตว์ป่าเป็นสัตว์เลี้ยงพิเศษ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่มันมีราคาสูงมาก

18. ซาวันนนาห์ (124,800 – 686,400 บาท)

    เป็นสายพันธุ์ที่ถูกพัฒนามาจากการผสมข้ามสายพันธุ์ของแมวเซอวัลแอฟริกัน และแมวบ้าน พวกมันถือว่าเป็นแมวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด โดยมีน้ำหนักเฉลี่ยถึง 15 กิโลกรัม และมีความสูงถึง 60 เซนติเมตร แมวซาวันนาห์เป็นที่รู้จักในเรื่องของความฉลาด ใจเย็น อยากรู้อยากเห็น และกระตือรือร้น นอกจากนั้นพวกมันยังชอบอาบน้ำและเดินเล่นอีกด้วย

19. อาชีร่า (686,400 – 3,120,000 บาท)

    แมวที่โคตรแพงที่สุด นิยมเลี้ยงโดยไฮโซในต่างประเทศ อาชีรา เป็นแมวที่เกิดจากการผสมระหว่างแมวเซอวัลแอฟริกัน แมวดาวเอเชีย และแมวบ้าน โดยผู้ที่ผสมสายพันธุ์ของอาชีร่ากล่าวว่า มันเป็นแมวที่ไม่ส่งผลต่อคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ แต่ยังมีข้อถกเถียงในเรื่องนี้อยู่

    แหม่ พออ่านบทความแล้วย้อนมองกลับมามองที่กระเป๋าเงินตัวเองแล้วมันช่างน่าหนักใจซะจริงๆ เล้ยยย

ที่มา : brightside

บทความแนะนำ More +

บทความที่คุณอาจสนใจ