สาวผู้พลิกหนี้ครอบครัว "40 ล้าน" เป็นรายได้ 350 ล้านบาท ด้วยแบรนด์ 4U2 ตั้งแต่อายุ 22 ปี

คอมเมนต์:

ถ้าวันนี้ คุณอายุ 22 ปี มีหนี้ 40 ล้าน คุณจะสู้ต่อไป หรือยอมแพ้กับโชคชะตานี้ดี?

    เคยเป็นปรากฏการณ์ในประเทศไทย สำหรับลิปสติกสุดฮิตที่โด่งดังสุดๆ จนทำให้สาวๆ หลายคนต้องรู้จักแบรนด์ "4U2" ใครจะรู้ว่า เบื้องหลังของแบรนด์สุดฮิตนี้คือผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เริ่มต้นทุกอย่างด้วยอายุ 22 ปี

    แมรี่ อมรรัตน์ อายุ 27 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท เอริส มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เจ้าของแบรนด์ 4U2 คนปัจจุบัน เล่าว่า 4U2 เป็นแบรนด์เครื่องสำอางสัญชาติไทย ที่ก่อตั้งมาแล้วกว่า 18 ปี เริ่มต้นมาจากคุณแม่ของเธอเอง

 

Sponsored Ad

 

    “4U2 มีมาตั้งแต่ปี 2002 แล้วค่ะ ตอนนี้ก็ 18 ปีแล้ว จริงๆ แบรนด์นี้เป็นหุ้นของที่บ้านกับชาวต่างชาติ แต่เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เป็นขาลงของ 4U2 พร้อมปิดบริษัททันที เพราะทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ที่บ้านก็ถามว่าแมรี่อยากมาทำมั้ย แต่มีหนี้อยู่ 40 กว่าล้าน หุ้นต่างชาติเขาก็ขายให้เรามาใช้หนี้ต่อ 

 

Sponsored Ad

 

    เรื่องนี้เป็นความลับมาตลอด เรามาทำตอนที่แบรนด์กำลังจะปิดตัว พนักงานที่มีก็ต้องให้ออกเกือบหมด ถูกกดดันจากห้างทุกที่ ตอนนั้นจากร้อยกว่าสาขาเหลือแค่ 70 สาขา แมรี่น้ำตาไหลเลยนะ เรามีสาขาแต่เราไม่มีแหล่งเงิน สาขาหลักๆ ที่ขายดีที่สุดก็จัดอันดับเราอยู่ที่สุดท้าย สาขาต่างจังหวัดก็โดนให้ออก เราสูญเสียรายได้ เงินไม่หมุน”

    อายุ 22 กับหนี้ 40 ล้าน…ต้องลุยไปข้างหน้าอย่างเดียว

    “แมรี่กู้แบงค์ไม่ได้ ที่บ้านก็ไม่ได้มีฐานะอะไร เมื่อก่อนเราก็ทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ไมเนอร์กรุ๊ป พอที่บ้านถามว่าจะออกมาทำหรือจะใช้ชีวิตของตัวเอง เราไม่มีทางเลือก ถึงต้องแบกรับหนี้ เราก็บอกว่าเดี๋ยวเราทำเอง ทั้งที่ปกติไม่ได้ชอบแต่งหน้า เราไม่รู้ว่าอายไลเนอร์หรืออายแชโดว์คืออะไร”

 

Sponsored Ad

 

    ไม่มีจังหวัดที่เธอไม่เคยไป!

    ด้วยสถานการณ์ที่หนักหนา คุณแมรี่ต้องลุยทุกอย่างเองตั้งแต่ต้น เธอพัฒนาสินค้าที่เคยขายดีติด Best Selling อย่างอายแชโดว์ แต่ขายดีที่สุดตอนนั้นก็อยู่ที่ประมาณ 500 ชิ้น ทั้งที่ผลิตออกมา 1,000 ชิ้นต่อสี คุณแมรี่ออกเดินทางไปยืนขายเองทั่วประเทศ 

    “ไปมาแล้วทุกสาขาที่เรามีขายค่ะ ปกติจะไม่ได้ขายกับร้านค้าทั่วไป เพราะดีลกับเจ้าของหลายๆ คนไม่ไหว แถมเครดิตแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เราไม่สามารถช็อตเงินและเรากลับไปจนอีกไม่ได้ เรามีแต่หนี้ ทุกอย่างที่ขายหน้าร้านเป็นเงินของแมรี่หมดเลย ตรงนี้เราเลยต้องคุยกับลูกน้องว่ารากฐานต้องแข็งแรง ใน 4 ปีนั้น เราเคลียร์หนี้ที่มีได้หมดและไม่เคยกู้เงินจากแบงค์อีกเลย ทุกอย่างใช้เงินหมุนตลอด เราเลยจะสอนลูกน้องว่าจะไม่ขยายสาขาจนดูแลไม่ได้ เราจะโตขึ้นจากสิ่งที่เรามี 

 

Sponsored Ad

 

    แมรี่คิดว่าจากร้อยสาขาไป 200 สาขามันง่าย แต่จะเพิ่มยอดในแต่ละสาขาเดิมคือสิ่งที่เราทำและเราประสบความสำเร็จ ทุกสาขาที่มี 4U2 ไปวางแมรี่ไปยืนขายเองทั่วประเทศไทย ไปเป็นบีเอเลย ทุกวันนี้ก็ยังไปขายอยู่นะคะ ตอนแรกตู้อะคริลิคไม่มี ของหน้าร้านสกปรก บีเอยืนไปงั้นๆ ได้เงินเดือนแล้วจบไป เพราะเขาไม่สนใจความสะอาด แต่ของเทสเตอร์ต้องดูดี ถ้าเทสเตอร์สกปรกใครจะอยากซื้อ เราเช็ดจนมือพังเลย เพราะชั้นคมมาก บาดมือเรา แล้วแมรี่ก็ซ่อมไฟได้ทุกแบบเลยนะคะ เพราะมีปัญหาอะไร แมรี่ก็ขับรถไปเลย กรุงเทพเชียงใหม่ขับเองมาแล้ว 7 ชั่วโมง”

 

Sponsored Ad

 

    คุณแมรี่บอกว่าปีแรกที่มีไปออกบูธขาย ต้องอธิบายทุกอย่าง โดนคนเข้ามาดูแล้วทำท่าขมวดคิ้วส่ายหน้า ขายได้แค่วันละ 5,000 บาท เธอก็ดีใจน้ำตาไหลแล้ว

    พลิกแบรนด์ระดับพันล้าน

 

Sponsored Ad

 

    จุดพีคที่คุณแมรี่พา 4U2 ประสบความสำเร็จ เพราะมองเห็นแบรนด์อื่นทำลิปสติกได้ยอดขายดีมาก เลยอยากลองบ้าง “เราไปที่โรงงานผลิตแล้วบอกเขาว่าอยากได้ลิปที่ขายได้ในราคาร้อยกว่าๆ เขาบอกว่าต้องสั่ง 60,000 แท่งนะจะกล้ามั้ย ตรงนี้เปลี่ยนให้เรามีเงินขึ้นมา แมรี่ตั้งราคาไว้ที่ 159 บาทออกมา 8 สีเป็นรุ่น Lipaholic เดือนเดียวขายหมดเลย ทำเพิ่มอีก 6 สี ช่วงปลายปีที่แล้วเลยทำ 6 สีบล็อกเกอร์ออกมาอีก ขายหมดใน 3 เดือน เราเคยเปิดขายบนเฟซบุ๊ค ปรากฎว่า 3 วันไม่ได้นอน เราเลยปิดการขายบนโซเชียล มาทำเว็บไซต์เมื่อต้นปี เป็นอีคอมเมิร์ซ เมื่อก่อนแมรี่ก็ใช้วิธีจดมือขายของเอง จนทำไม่ไหวก็จะเลือกเอ็กซ์คลูซีฟขายออนไลน์กับบางที่เท่านั้น”

Sponsored Ad

    วันนี้ที่แบรนด์โด่งดัง คุณแมรี่จะขาดเพื่อนคนสนิทที่มาเป็นคู่หูตั้งแต่ช่วงแรกคนนี้ไม่ได้เลย เธอคือคุณโบ สุทิตา แก่นพรม เพื่อนสมัยเรียนมัธยมที่ร่วมหัวจมท้าย เป็นคนทำแบรนด์ด้วยกันมา คุณโบเล่าว่า “ตั้งแต่วันแรกก็เห็นแมรี่ไปเช็ดตู้เอง เขาก็มาชวนให้ไปทำงานด้วยกัน เราก็ลังเลนะ เพราะไปดูเว็บไซต์ของแบรนด์ว่าหน้าตาแบบนี้ หารีวิวอ่าน แต่เราเชื่อเพราะเป็นแมรี่ เป็นเพื่อนกันมานาน คิดว่าอยู่กับเขาต้องดีกว่าอยู่แล้ว เราก็ให้ความเห็นไปว่าไม่ชอบโลโก้เลย หรือเปลี่ยนชื่อแบรนด์เลยได้มั้ย แต่ก็เปลี่ยนไม่ได้ เพราะถ้าเปลี่ยนก็จะต้องออกจากร้านที่เคยขาย”

    งานด้านการตลาดเลยตกอยู่ที่คุณโบ แต่เธอก็ยังย้ำคติที่ว่าต้องทำเองทั้งหมด คุณโบเล่าว่าต้องสั่งตู้ ทำชั้นมาตั้งแต่แรก ไม่มีคนยืนขายก็ไปยืนขายเองได้

เพื่อนรักในชีวิตจริงและเพื่อนรักในงาน

    เรียนไม่จบแต่ก็บริหารงานได้มืออาชีพ

    ถามว่าอะไรที่ทำให้มีวันนี้ได้ คุณแมรี่บอกว่าคนทำงานสำคัญที่สุด ทีมของเธอต้องมีความคิดไปในทางเดียวกันว่าทุกคนต้องรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าของ “แบรนด์เราให้คอมมิชชั่นสูง แมรี่จ่ายเงินให้ลูกน้องได้ไม่จำกัด บีเอขายได้เท่าไหร่ เราจ่ายให้เขาเท่านั้น เซลส์ของเราเก่งมาก ขยันมาก เพราะมีแรงกระตุ้นที่จะให้เป้าทุกคน ถ้าเป้าแตกได้เงินก้อนนั้น ไม่รวมโบนัส คนทำสต็อคก็มีคอมมิชชั่น เราเป็นทีมเวิร์ค เพราะเราเคยไปทำตรงนั้นมาก่อน เราอยู่หน้าร้าน เราเหนื่อยก็รู้ว่าควรจะได้อะไรเท่าไหร่ แมรี่เคยหมุนเงินไม่ทัน เราช็อตเงินก็เข้าใจคนอื่น ถึงจะมีสินค้าที่ดีแต่คนขายไม่ดี ก็ขายไม่ได้ แมรี่เทรนลูกน้องทุกคนเอง เราสอนทุกอย่างว่าเจอลูกค้าหลายแบบต้องจัดการยังไง แมรี่จะบอกว่าคนเราทุกคนเท่ากัน ถ้าเจอลูกค้าไม่ดี ไม่ต้องปะทะให้เดินหนีเลย เพราะเราทำงานบริการ ทุกอย่างเลยมาจากประสบการณ์ของแมรี่เองค่ะ”

    เป้าหมายของเธอที่เราชอบมาก และทุกๆ องค์กรที่หัวหน้าควรจะมีก็คือเธออยากให้ลูกน้องทุกคนมีความสุข อยากให้ลูกน้องเจริญขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าลูกน้องโต แบรนด์โตขึ้น เธอจะไม่มองว่าบริษัทต้องโตขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์ แต่จะออกสินค้าอะไรให้ลูกน้องเอาไปขายแล้วมีความสุขมากขึ้น

    ต้องเป็นคนลงมือทำ

    ถ้าให้คุณแมรี่แนะนำ สำหรับคนที่อยากลุกมาสร้างธุรกิจของตัวเอง เธอบอกว่าแต่ละคนมีนิสัยที่ไม่เหมือนกัน เธอเองเริ่มมาจากหนี้ และเธอจะไม่หนีปัญหา “แมรี่เคยท้อ เหนื่อย แต่ก็แค่พัก ไปเที่ยวให้เวลากับตัวเองแล้วกลับไปทำใหม่ ถ้าไม่เวิร์คก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทุกอย่างเป็นไปตามเทรนด์ มันมาจากจุดเดียว เราไม่อยากจน อะไรที่เป็นปัญหาตัดทิ้งไป สิ่งที่เกลียดที่สุดคือการขาดทุน”

    สินค้าทุกชิ้นต้องดีที่สุด

    ความสำคัญรองจากคนก็มาถึงสินค้าที่ช่วยดึงให้คนมาสนใจแบรนด์ คุณโบกับคุณแมรี่บอกว่า “ถ้าเราไม่กล้าใช้เองก็อย่าขายเลย เราจะให้โรงงานพัฒนามาจนกว่าจะพอใจ ใช้เวลา 4-5 เดือนแล้วทุกอันต้องส่งไปเทสต์เมืองนอก อย่างลิปก็จะได้ใบรับประกันมาจากเมืองนอก และเราเก็บข้อมูล อย่างถ้าลิปแมตต์มาก ยิ้มแล้วแตก เราจะจำว่าของเราต้องไม่เป็นแบบนี้นะ”

    หนึ่งในกลยุทธ์ที่โดดเด่นของ 4U2 ก็คือ การทำสินค้าชนิดเดียวกันออกมาหลายๆ สี โดยเฉพาะการทำเฉดสีออกมาให้ใกล้เคียงกัน เพราะลูกค้าแต่ละคนอาจจะชอบสีชมพูเหมือนกัน แต่สิ่งที่ต่างกันคือ บางคนชอบเฉดสีอ่อนๆ บางคนชอบเฉดสีเข้มๆ ดังนั้น การเพิ่มเฉดสีที่ใกล้เคียงกัน จะยิ่งเพิ่มตัวเลือกให้ลูกค้าได้มากขึ้น

    อกจากนี้ 4U2 ยังขึ้นชื่อในเรื่องของ “ราคา” ที่จับต้องได้ อย่างลิปสติกรุ่นยอดนิยม I HEART YOU มีราคาเต็มเพียง 199 บาท นอกจากนั้น 4U2 ยังมักจะลดราคาสินค้าอยู่เป็นประจำ ซึ่งรุ่น I HEART YOU พอลดแล้วก็จะเหลือแค่ 149 บาทเท่านั้น เพราะ 4U2 เลือกจับกลุ่มลูกค้าที่มีความอ่อนไหวต่อราคา ดังนั้นการลดราคาสินค้า จะยิ่งทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าได้เร็วขึ้น

    4U2 แสดงให้เห็นถึงความอดทนและพยายามอย่างหนักของคุณแมรี่ ที่พยายามจะทำให้แบรนด์ผ่านพ้นความยากลำบากในช่วงวิกฤติ โดยเฉพาะวิธีการเรียนรู้ตลาด และนำมาปรับใช้กับแบรนด์ และเมื่อแบรนด์เริ่มประสบความสำเร็จ 4U2 ก็ยังไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น แต่ยังคงเรียนรู้ และตั้งใจพัฒนาสินค้า เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าอยู่เสมอ

ที่มา : cleothailand, ลงทุนเกิร์ล

บทความที่คุณอาจสนใจ